เลือกตั้ง 2562: "กำนันสุเทพ" ขึ้นเวทีประชัน "หนูนา กัญจนา" ปราศรัยใหญ่แค่คลองกั้น
ชาติไทยพัฒนา-รวมพลังประชาชาติไทย เปิดเวทีใหญ่ปราศรัยหาเสียงกลางเมืองนครศรีธรรมราช ห่างกันแค่คลองกั้น 300 เมตร
(7 มี.ค.) เมื่อคืนที่ผ่านมาที่ จ.นครศรีธรรมราช ได้มีการเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงใหญ่ถึง 2 พรรค โดย นางสาวกัญจนา ศิลปะอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นำแกนนำพรรคเปิดปราศรัยใหญ่กลางสนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช ท่ามกลางประชาชนหลายพันคนเข้ารับฟังอย่างเหนือความคาดหมาย
และในเวลาเดียวกันห่างไปแค่ 300 เมตร อยู่คนละฝั่งคลองด้านหลังสวนศรีธรรมโศกราช นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ปรึกษาพรรครวมพลังประชาชาติไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ช่วยผู้สมัครที่พรรคส่งลงสมัครเพียง 4 เขตเลือกตั้งจากทั้งหมด 8 เขตเลือกตั้ง
นางสาวกัญจนา ศิลปะอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวเปิดใจกับประชาชนหลายพันคนเมื่อครั้งที่นายบรรหาร ศิลปะอาชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ของประเทศไทย แต่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยพรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่องเท็จประเด็นกล่าวหาสัญชาติของ นายบรรหาร
ทั้งนี้ยอมรับว่า พรรคประชาธิปัตย์มีคนที่อภิปรายได้เก่งมาก เป็นเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดให้กับครอบครัวของตนเองมาโดยตลอดจนถึงวันนี้ แต่ทั้งนี้การเข้ามาเป็นพรรคการเมืองของพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นพรรคชาติไทย มีหลักการสำคัญคือก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่มีความขัดแย้งกับใครเป้าหมายคือการทุ่มเทพัฒนาประเทศ
“สำหรับในอดีตความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อครั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์เป็นหนึ่งในผู้อภิปราย แต่เชื่อหรือไม่ว่าเมื่อต้องประสานงานกับพรรคประชาธิปัตย์ นายลบรรหาร ศิลปะอาชา บิดา เคยกล่าวไว้ว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นคนที่คุยรู้เรื่องมากที่สุดในพรรคประชาธิปัตย์แล้ว”นางสาวกัญจนากล่าว
ขณะที่ห่างไปเพียง 300 เมตร เวลาเดียวกันเวทีปราศรัยใหญ่พรรครวมพลังประชาชาติไทย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ปรึกษาพรรครวมพลังประชาชาติไทย ขึ้นเวทีปราศรัยท่ามกลางประชาชนที่เข้ามารับฟังจำนวนมากเช่นเดียวกัน กล่าวรำลึกถึงการเคลื่อนไหวต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และมวลชน กปปส.ที่ร่วมกันเคลื่อนไหวต่อต้านสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบทักษิณ” ความพยายามในการตรากฎหมายนิรโทษกรรมของพรรคในระบอบทักษิณ
นายสุเทพ กล่าวถึงพรรคการเมืองทุกพรรคที่ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ว่าล้วนแล้วแต่มี “นายเงิน” เป็นเจ้าของพรรค แตกต่างจากพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่เกิดขึ้นจากการรวมกันของประชาชนโดยแท้จริง การใช้ทุนในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งล้วนมาจากการร่วมทุนกันของประชาชน เป็นพรรคของประชาชน แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆที่ทำงานอยู่ภายใต้อิทธิพลของ “นายเงินที่เป็นเจ้าของพรรค”