สวนทางเศรษฐกิจแย่ ก๋วยเตี๋ยวเชียงใหม่ ขายชามละ 3 บาท ไม่เคยคิดขึ้นราคา

สวนทางเศรษฐกิจแย่ ก๋วยเตี๋ยวเชียงใหม่ ขายชามละ 3 บาท ไม่เคยคิดขึ้นราคา

สวนทางเศรษฐกิจแย่ ก๋วยเตี๋ยวเชียงใหม่ ขายชามละ 3 บาท ไม่เคยคิดขึ้นราคา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่ทอดทิ้งลูกค้าทุกช่วงเศรษฐกิจแย่ ก๋วยเตี๋ยวเมืองเชียงใหม่ ยังขายชามละ 3 บาทตลอดกาล ลูกค้าแน่นร้านอิ่มท้องสบายกระเป๋า เจ้าของเผยขายราคาเดียวมากว่า 30 ปี ย้ำไม่เคยคิดขึ้นราคา

ผู้คนจำนวนมากแห่กันพาไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ "ร้านก๋วยเตี๋ยว 3 บาท" ภายในซอยริมถนนรัตนโกสินทร์ อ.เมืองเชียงใหม่ ทำให้บรรยากาศภายในร้านคึกคักตลอดทั้งวัน ทำให้พนักงานในร้านลวกเส้นเดินเสิร์ฟกันแทบไม่ทัน

โดยลูกค้าที่มาอุดหนุนมีทั้งขาประจำและหน้าใหม่ ส่วนใหญ่ต่างบอกว่าที่มากินก็เพราะมีราคาถูก ประหยัดเงินในกระเป๋า โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีเช่นนี้ แถมยังอร่อยถูกปากไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวราคาแพง ขณะที่อีกหลายคนบอกว่า ได้ยินชื่อเสียงมานานในโลกออนไลน์ เมื่อได้มาเยือนเชียงใหม่ก็ต้องตามลายแทง มาลองให้ได้ซักครั้ง

ร้านนี้เปิดขายมานานกว่า 30 ปี ไม่ว่าวัตถุดิบจะขึ้นราคาอย่างไร แต่ทุกวันนี้ทางร้านก็ยังคงราคาเดิมที่ชาม 3 บาท เมนูก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนี้มีให้เลือกหลายอย่าง ทั้ง ลูกชิ้น หมู เนื้อ น้ำตก น้ำใส ทุกเมนูมีราคาเท่ากันคือ 3 บาท แต่แค่เมนูบะหมี่เหลืองที่ต้นทุนสูง ขายในราคา 10 บาท

ไม่เพียงแต่ราคาถูกเท่านั้น ร้านนี้ยังให้บริการลูกค้าแบบเป็นกันเอง ลูกค้าสั่งก๋วยเตี๋ยวด้วยการจดรายการไปเสียบไว้ตามคิว หลังทานเสร็จก็จะให้ลูกค้าเดินไปบอกจำนวนก๋วยเตี๋ยวที่สั่งทานทั้งหมดเพื่อคิดเงิน โดยไม่มีการไปตรวจนับจำนวนที่โต๊ะ ส่วนพนักงานมีหน้าที่เพียงเก็บชามเคลียร์โต๊ะเท่านั้น

นางปรียานุช เจ้าของร้าน บอกว่า ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยืนยันจะไม่มีการขึ้นราคา เพราะต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือลูกค้าในการประหยัดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่ยังไม่มีรายได้ ซึ่งทุกวันนี้เมื่อหักต้นทุนแล้วก็กำไรไม่มาก แค่พอเลี้ยงตัวเองได้ก็พอใจ โดยยืนยันจะขายราคา 3 บาท ไปตลอดกาล เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของร้านก๋วยเตี๋ยวราคาถูกที่สุดในประเทศไทย เป็นหน้าเป็นตาของจังหวัดเชียงใหม่

สำหรับลูกค้าที่เข้ามามีทุกกลุ่ม ทุกเพศทุกวัย ส่วนใหญ่จะสั่งก๋วยเตี๋ยวครั้งละ 10-20 ชาม เพื่อประหยัดเวลา ไม่ต้องสั่งหลายครั้ง ส่วนวิธีรับประทานก็แตกต่างกัน บางคนชอบปรุงและกินทีละชาม บางคนชอบนำไปรวมกันเป็นชามใหญ่ เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของร้านก็คือ มักจะมีกลุ่มวัยรุ่นมาแข่งกิน ใครกินน้อยสุดเป็นคนจ่ายเงิน เท่าที่จำได้มีคนกินมากที่สุดคนเดียวถึง 40 ชาม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook