"สนธิรัตน์" แจงคลิปปราศรัย ให้บัตรคนจน เป็นการหาเสียงปกติ
สนธิรัตน์มั่นใจแจงคลิปบัตรคนจนได้ เมิน ทษช.จ่อปราศรัย
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่เขตจอมทอง ช่วยนางสาวทิพานันท์ ศิริชนะ ผู้สมัคร ส.ส.เขตจอมทอง-ธนบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยเดินขอคะแนนเสียง ทักทายพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาจับจ่าย ข้าวของในตลาดดังกล่าว ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ก่อนที่จะสักการะศาลเจ้าพ่อเสือ และได้ลงเรือไปยังสวนภูมิใจการ์เด้น หรือ สวนลิ้นจี่ร้อยปี เพื่อเยี่ยมชมด้วย
นายสนธิรัตน์ เปิดเผยว่า ผู้สมัครทุกคนมีความตั้งใจทุ่มเท ที่จะทำงานให้ประชาชน และเสียงตอบรับพรรคพลังประชารัฐก็ดีมาก แต่ยอมรับว่า มีส่วนน้อยที่บอกว่ากลัวพรรคพลังประชารัฐจะแพ้ไม่ชนะ ดังนั้นหากรู้สึกเช่นนี้ ขอให้ช่วยกันออกมาเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.นี้ ซึ่งตอนนี้โค้งสุดท้ายพรรคพลังประชารัฐ มีเสียงตอบรับดีขึ้นมาก ทำให้มั่นใจว่าจะได้เก้าอี้มากขึ้น และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่มายาวนานต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง ซึ่งพลังเหล่านี้ทำให้พรรคมั่นใจว่าเรามีเสียงดีขึ้น จนสามารถยืดพื้นที่ กทม. ได้ เป็นไปตามเป้าหมายของพรรคที่ตั้งไว้ ไม่ต่ำกว่า 10 ที่นั่งในกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ระหว่างลงพื้นที่ ได้มีกลุ่มปั่นจักรยาน กลุ่มหนึ่งเข้ามาทักทายพูดคุยกับนายสนธิรัตน์ รวมถึงผู้สมัคร และได้เสนอแนะให้พรรคพลังประชารัฐ ทำเส้นทางจักรยานเลียบคลอง ทั้งเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการออกกำลังกาย อีกทั้งบริเวณนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนได้หลายเส้นทาง แม้แต่ไปถึงสถานีรถไฟฟ้า BTS วุฒิกาศ
พร้อมกันนี้ นายสนธิรัตน์ กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปปราศรัยเรื่องบัตรคนจน จ.ลพบุรี ที่ส่อว่าสัญญาว่าจะให้ ว่า เรื่องคลิปนั้นความจริง คือ การพูดถึงนโยบายพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น หากคลิปนั้นผิดก็ต้องผิดกันทุกพรรค เพราะการปราศรัยย่อยพูดถึงนโยบายว่าถ้าเป็นรัฐบาลแล้วจะทำอะไรให้บ้าง มีทิศทางทำงานอย่างไร ซึ่งส่วนตัวคิดว่าสิ่งที่เกิดคลิปขึ้นมานั้น เป็นเพราะหลายฝ่ายหวั่นไหวกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพราะประชาชนทั่วประเทศให้การสนับสนุนนิยมชมชอบ แล้วก็มีเจตนาที่จะตัดคลิปนั้นออกมา เพื่อชี้ว่าพรรคพลังประชารัฐทำผิด แล้วคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่จับ
ดังนั้น หากจะตัดคลิปอย่างนี้ ก็คงตัดได้ทุกพรรค และคำว่าสัญญาว่าจะให้นั้น ต้องระบุว่า ให้คนไหน ชื่ออะไร เป็นพิเศษ และถ้าจะให้ยกตัวอย่าง หลายพรรคก็ให้สัญญาทั้งสิ้น เพราะเป็นการให้ในเชิงนโยบายและการให้ในเชิงคุณสมบัติ ที่เป็นการเสียงปกติ พรรคไม่ไดักังวลใจเรื่องที่เกิดขึ้น และยินดีที่จะให้ตรวจสอบได้เสมอ
ส่วนกรณีที่ อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ประกาศเดินหน้าเปิดเวทีปราศรัยทั่วประเทศ ทุกภูมิภาค เพื่อสกัดกั้นการสืบทอดอำนาจ ตนถือว่า เป็นสิทธิ์ของแกนนำ ทษช. ซึ่งอำนาจที่สืบทอดโดยแท้จริง คือการที่เป็นคะแนนเสียงประชาชน และวันนี้มีความพยายามที่จะทำให้เห็นว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่สืบทอดอำนาจ แต่คำถามที่ใหญ่มาก คือ ในการที่จะได้รับเสียงสนับสนุนให้เป็นรัฐบาลต่อนั้นเป็นเสียงจากการลงคะแนนของประชาชน สืบทอดอำนาจจะทำได้อยู่ทางเดียวเท่านั้น คือ การได้รับความไว้วางใจจากประชาชน แต่ก็เข้าใจได้ถึงกลไกลการเลือกตั้ง ที่ต้องพยายามแยกแยะ พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคสืบทอดอำนาจ ซึ่งการทำงานเช่นนี้ พรรคจะต้องชี้แจงประชาชน ว่าพรรคเดินเข้าสู่เส้นทางประชาธิปไตย การเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.นี้ ความไว้ว่าใจของประชาชนถึงจะเป็นการเข้าสู่อำนาจ อำนาจไม่ได้มาจากวิธีการอื่น เพราะถ้ามาด้วยวิธีการอื่น ถึงจะเรียกว่าการสืบทอดอำนาจ ขอย้ำว่าการเปิดเวที ของอดีตแกนนำพรรคดังกล่าว ถือเป็นสิทธิ ซึ่งประชาชนต้อง