แสบถึงทรวง! เมื่ออดีตรักษาการ ผอ.เอฟบีไอ คิดแผนปลด "ทรัมป์" ออกจากตำแหน่ง

แสบถึงทรวง! เมื่ออดีตรักษาการ ผอ.เอฟบีไอ คิดแผนปลด "ทรัมป์" ออกจากตำแหน่ง

แสบถึงทรวง! เมื่ออดีตรักษาการ ผอ.เอฟบีไอ คิดแผนปลด "ทรัมป์" ออกจากตำแหน่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ นายแอนดรูว์ แมคเคบ อดีตรักษาการผู้อำนวยการเอฟบีไอได้ไปออกรายการโทรทัศน์ชื่อ "รายการซิกตี้ มินนิตส์" ซึ่งเป็นรายการเจาะลึกทางการเมืองภายในสหรัฐอเมริกาของโทรทัศน์เครือข่ายซีบีเอส ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ระดับชาติของสหรัฐอเมริกา

นายแมคเคบระบุว่า นายร็อด โรเซนสไตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรมเคยหารือกับตนว่าจะต้องมีเสียงสนับสนุนจากคณะรัฐมนตรีสหรัฐจำนวนกี่คน เพื่อใช้กลไกบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 ปูทางสู่การถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้ต้องสงสัยว่ากระทำผิดทางอาญา ฐานทำการขัดขวางกระบวนการยุติธรรมจากการปลดนายเจมส์ โคมีย์ ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการเอฟบีไอ เพื่อที่จะยุติการสอบสวนของเอฟบีไอในการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาโดยรัสเซีย เพื่อสนับสนุนการหาเสียงของนายทรัมป์นั่นเอง

เนื่องจากเอฟบีไอได้ทำการสอบสวนความเชื่อมโยงของประธานาธิบดีทรัมป์กับรัสเซีย ซึ่งนายทรัมป์ได้ไปขออนุญาตสร้างโรงแรมที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย แม้ในระหว่างหาเสียงรณรงค์เพื่อเป็นประธานาธิบดี

ถึงแม้ว่าหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส จะเคยรายงานเรื่องนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์ออกนาม แต่คำสัมภาษณ์ของแมคเคบถือเป็นการเปิดเผยครั้งแรกของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งแมคเคบบอกว่า เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ปี 2560 หลังจากทรัมป์ปลดเจมส์ โคมีย์ ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการเอฟบีไอ โดยนายโรเซนสไตน์ถกเถียงกับตนว่าจะมีสมาชิกคณะรัฐมนตรีสักกี่คนที่อาจให้การสนับสนุนการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์

ยิ่งไปกว่านั้นนายโรเซนสไตน์เคยเสนอตัวให้ติดเครื่องดักฟังติดตัวเขาเข้าพบกับประธานาธิบดีทรัมป์ เพราะว่าเขาเป็นรัฐมนตรีจึงจะไม่ถูกตรวจค้นตัว แต่นายแมคเคบไม่เอาด้วย

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ครับ เนื่องจากอาจถูกมองได้ว่าเป็นการซ่องสุมกันเป็นกบฏต่อประธานาธิบดีของข้ารัฐการการเมืองกับข้ารัฐการประจำเชียวนะครับ

สำหรับบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ มาตราที่ 25 วรรค 4 ที่สามารถประกาศว่าประธานาธิบดีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้และให้รองประธานาธิบดีขึ้นรักษาการในตำแหน่งประธานาธิบดีแทน มีเนื้อความดังนี้

“เมื่อใดรองประธานาธิบดีและเสียงข้างมากของเจ้าหน้าที่ชั้นสูงฝ่ายบริหารหรือของหน่วยงานอื่นที่รัฐสภากำหนดไว้ตามกฎหมาย แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรต่อประธานชั่วคราววุฒิสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรว่าประธานาธิบดีไม่สามารถที่จะใช้อำนาจและปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งของตนได้ ให้รองประธานาธิบดีเข้าใช้อำนาจและปฏิบัติหน้าที่รักษาการในตำแหน่งประธานาธิบดีทันที”

ความจริงบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตราที่ 25 นี้ ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 แล้วตั้ง 52 ปี และมีโอกาสได้ใช้จริงถึง 3 ครั้งด้วยกัน  คือ

ครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2516 สมัยประธานาธิบดีนิกสัน เมื่อรองประธานาธิบดีสปิโร แอกนิวลา ออกจากตำแหน่ง ประธานาธิบดีนิกสันจึงเสนอชื่อนายเจรัลด์ ฟอร์ดเป็นรองประธานาธิบดีแทน

ครั้งที่สอง ในปี พ.ศ. 2517 เมื่อประธานาธิบดีนิกสันชิงลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเนื่องจากคดีวอเตอร์เกต นายเจรัลด์ ฟอร์ด รองประธานาธิบดีจากการแต่งตั้งตามบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 จึงได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีแทน

ครั้งที่สาม ในปี พ.ศ. 2517 ปีเดียวกันนั้นเองประธานาธิบดีฟอร์ดได้แต่งตั้งนายเนลสัน รอกกีเฟลเลอร์ เป็นรองประธานาธิบดี

เป็นที่น่าสังเกตว่า การใช้บทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 ทั้ง 3 ครั้งนั้นเกี่ยวข้องกับนายเจรัลด์ ฟอร์ดทั้งสิ้นเลย...

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook