น้ำตาความภูมิใจ หนุ่ม ปวส. สานต่อชีวิต บริจาคอวัยวะช่วยคนอื่นได้อีก 5 ราย
โจษขานไปทั้งเหมือง หนุ่มนักศึกษา ปวส.เพชรบูรณ์ ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต พ่อแม่เลือกบริจาคอวัยวะให้สภากาชาดไทย สามารถช่วยชีวิตคนอื่นได้อีก 5 คน
(14 มี.ค.) นพ.ศิริชัย แมงมีนาม พร้อมด้วย นางอมรรัตน์ กุลทิพรรธน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ และรองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบูรณ์ มอบพวงหรีดและเกียรติบัตรแก่ญาติ นายอภิรักษ์ อายุ 21 ปี ชาว ต.บุ่งน้ำเต้า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ อาการเลือดออกในสมอง ทำให้มีภาวะสมองตาย และญาติได้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะและดวงตาให้สภากาชาดไทย โดยมีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เดินทางมาผ่าตัด เพื่อนำอวัยวะไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ต่อไป
นางสกุลตลา อายุ 42 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ลูกชายกำลังเรียนหนังสืออยู่ระดับ ปวส.ชั้นปีที่ 2 และกำลังจะจบการศึกษาในอีกไม่กี่วัน ปกติลูกชายเป็นคนชอบบริจาคสิ่งของช่วยเหลือบุคคลอื่น รวมทั้งบริจาคเลือดให้แก่กาชาดมาโดยตลอด
โดยอุบัติเหตุเกิดขึ้นในช่วงดึกของคืนวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่ลูกชายขี่รถจักรยานยนต์กลับจากวิทยาลัย ระหว่างทางได้เกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ซึ่งแพทย์ได้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เมื่อเข้าสู่ภาวะสมองตาย ก่อนที่พยาบาลได้มาพูดคุย เพื่อขอรับบริจาคอวัยวะของลูกชาย นำไปช่วยเหลือชีวิตคนอื่น
ตนเห็นว่าหากลูกชายเสียชีวิตแล้ว ร่างกายและอวัยวะต่างๆ ก็จะถูกเผาไปโดยเปล่าประโยชน์ จึงเต็มใจที่จะบริจาคอวัยวะทุกส่วนที่สามารถนำไปช่วยเหลือผู้อื่นได้ ตามที่ลูกชายเคยบริจาคสิ่งของและบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือบุคคลอื่นมาก่อนหน้านี้แล้ว
นางสกุลตลา ยังกล่าวต่ออีกว่า หากลูกชายรับรู้ได้ ตนก็อยากจะบอกว่าแม่ภาคภูมิใจในตัวลูกมาก ที่ขณะยังมีชีวิตอยู่ก็มีจิตในการบริจาคสิ่งของและบริจาคเลือด แม่กระทั่งเสียชีวิตแล้วร่างกาย อวัยวะของลูกยังสามารถไปช่วยชีวิตคนอื่นได้อีกหลายคน และเชื่อว่าผลบุญในครั้งนี้จะนำพาให้ลูกชายไปสู่ภพภูมิที่ดีในภายภาคหน้า
นายแพทย์ศิริชัย แมงมีนาม แพทย์โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ในกรณีผู้บริจาครายนี้สามารถผ่าตัดนำอวัยวะไปช่วยเหลือผู้อื่นหลายส่วน เช่น ตับ ดวงตา 2 ข้าง ไต 2 ข้าง ซึ่งสามารถนำไปช่วยเหลือผู้อื่นถึง 5 คน ซึ่งจริงๆ แล้ว ผู้บริจาครายนี้ญาติยินดีบริจาคอวัยวะทุกอย่างที่สามารถนำไปช่วยเหลือบุคคลอื่น
แต่ทั้งนี้เนื่องจากโรงพยาบาลยังขาดแคลนเครื่องมือในการดูแล เก็บรักษา รวมทั้งการขนส่ง ที่จะต้องรวดเร็ว แต่ทั้งนี้จังหวัดเพชรบูรณ์ ถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศที่มีการบริจาคอวัยวะให้แก่สภากาชาดไทย
ทางด้าน นางชไมพร สีทอง พยาบาลวิชาชีพ กล่าวว่า สำหรับผู้บริจาครายนี้ หลังจากเราทราบว่าไม่สามารถที่จะช่วยเหลือชีวิตของผู้ประสบเหตุได้แล้ว และเข้าสู่ภาวะสมองตาย ตนจึงได้เข้าไปพูดคุยกับพ่อเพื่อขอรับบริจาค ซึ่งพ่อก็ขอเวลาปรึกษาหารือกับแม่และญาติ และได้แจ้งว่ายินดีที่จะบริจาคให้ทุกส่วนที่สามารถนำไปช่วยเหลือบุคคลอื่นได้ จึงได้แจ้งไปยังสภากาชาดไทย เพื่อส่งทีมแพทย์มารับบริจาคอวัยวะดังกล่าว