ส่อคดีพลิก "ครูพละ" ซัดเพื่อนครูใส่ร้ายขืนใจนักเรียนหญิง คนร้ายตัวจริงคือ "ครูภาษาจีน"
จากกรณีรุ่นพี่โรงเรียนสตรีชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โพสต์เรื่องราวอ้างครูพละทำอนาจารลูกศิษย์ผู้หญิงหลายรายทั้งจับก้น ลากไปหอมแก้ม ฉุดขึ้นรถเบนซ์ บางรายถูกขืนใจในห้องเรียนถึง 4 ครั้ง และแอบอัดคลิปข่มขู่ ผู้ที่แฉเรื่องนี้อยากให้นักเรียนหญิงที่ตกเป็นเหยื่อออกมาเปิดโปง ต่อมาครูพละคนดังกล่าวชี้แจงผ่านเอกสารเขียนด้วยลายมือเป็นลายลักษณ์อักษรอ้างไม่ใช่เรื่องจริง
ล่าสุดครูพละคนดังกล่าว ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับผู้สื่อข่าวรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ยังคงยืนยันตามคำชี้แจงก่อนหน้าหน้านี้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมีครูคนหนึ่งสนิทสนมกับตน ต่อมามีความขัดแย้งกันส่วนตัวเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากครูคนที่ถูกกล่าวหาซึ่งตนเป็นผู้ไปค้ำประกันเงินกู้ธนาคารให้ กลับไม่ผ่อนชำระธนาคาร จนทำให้ตัวเขาซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ถูกฟ้องร้อง จากนั้นตนนำเอกสารฟ้องร้องไปให้ครูผู้อยู่เบื้องหลังคนดังกล่าวดู ทำให้เขาไม่พอใจ นอกจากนี้เคยปะทะคารมกันแย่งสนามมีลักษณะเป็นห้องโถงเพื่อทำการเรียนการสอน จนกลายเป็นปมปัญหาขัดแย้งกันเรื่อยมา จึงหลอกใช้เด็กนักเรียนเป็นเครื่องมือทำลายชื่อเสียงของตนผ่านโซเชียลมีเดีย
ยืนยันเรื่องทั้งหมดตนถูกกลั่นแกล้งยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง โดยครูผู้อยู่เบื้องหลังบิดเบือนข้อมูลผ่านสื่อว่าตนลากนักเรียนหญิงขึ้นรถเบนซ์ไปข่มขืนและให้ข่าวทำลายชื่อเสียง สาบานไม่เคยลากเด็กนักเรียนหญิงขึ้นรถไปห้างดังเพื่อทำอนาจาร ถ้าตนฉุดจริงทำไมไม่ร้องโวยวายขอความช่วยเหลือ ไม่เคยแตะต้องเนื้อตัวแม้แต่นิดเดียว นอกจากนี้เด็กหญิงคนดังกล่าวทักมาหาบอกให้ไปหาที่ห้างแห่งหนึ่งแต่ตนมาไปและบอกให้เด็กกลับบ้าน
>> สุดอัปยศ "ครูโรงเรียนสตรีชื่อดัง" ฉุดนักเรียนข่มขืน เพื่อนครู-ศิษย์เก่าร่วมกันเปิดโปง
>> เหยื่อศิษย์เก่า-ศิษย์ปัจจุบันขยาด แฉวีรกรรม "ครูโรงเรียนสตรี" ลวนลาม-แทะโลมสารพัด
นอกจากส่งภาพลับของตนเองใส่กางเกงขาสั้นมาให้ดูบอกเครียดอยากดูหนังเอ็กซ์ ตนจึงบอกให้เข้าบ้านไปอาบน้ำ อย่างไรก็ตามตนได้ทำบันทึกชี้แจงข้อเท็จจริงครั้งนี้ มีคณะกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนพร้อมด้วยนักเรียนชั้น ม.1 คุณแม่ และคุณน้าของนักเรียนมาพูดคุยถึงเหตุการณ์รายละเอียดที่เกิดขึ้น ซึ่งเด็กที่ออกมาให้ข้อมูลเป็นเด็กของครูที่บงการ และยอมรับว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
กรณีว่าตนขืนใจนักเรียนหญิง ม.2 ในห้องเรียนถึง 4 ครั้ง และถ่ายคลิปข่มขู่ ก็ไม่เป็นความจริงขอสาบานต่อหน้าหลวงปู่โตไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด ถ้าเสียหายจริงทำไมไม่ไปแจ้งความดำเนินคดีกับตน ตนมีประจักษ์พยานหรือจะดูกล้องวงจรปิดของโรงเรียนก็ได้ว่าตนพาไปขืนใจในห้องเรียนจริงหรือไม่ การจะกล่าวหาคนอื่นต้องมีหลักฐาน
ส่วนภาพหลุดกับหญิงสาวยอมรับ เป็นแฟนสาวคบหากันอย่างเปิดเผย โดยครอบครัวทั้งสองฝ่ายรับรู้ ยอมรับแฟนสาวเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนดังกล่าวซึ่งเรียนจบไปนานแล้ว ภาพหลุดเป็นภาพเก่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว มีตนและครูที่อยู่เบื้องหลังเท่านั้นที่มีภาพดังกล่าว ไม่ขอเปิดเผยว่าภาพนี้หลุดไปได้อย่างไร แต่กลับนำมาเชื่อมโยงให้คนอื่นเห็นว่าเป็นเหตุการณ์เดียวกับนักเรียนชั้น ม.1 ทำให้ได้รับความอับอาย ชื่อเสียงเสียหาย และถูกสังคมตัดสินไปแล้ว
“อยากขอความเป็นธรรมกับเรื่องที่เกิดขึ้น ให้นำตัวบุคคลที่อยู่เบื้องหลังมาลงโทษ เบื้องต้นได้เข้าแจ้งความกับตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีกับครูที่อยู่เบื้องหลังในข้อหาหมิ่นประมาท และดำเนินคดี พ.รบ. คอมพิวเตอร์ กับคนที่แชร์ภาพลับของตนเองแล้ว ตอนนี้แฟนสาวของตนสติแตกเครียดร้องไห้แทบเป็นบ้า เพราะภาพที่นำมาแฉเห็นใบหน้าชัดเจนทำให้เขาอับอาย จะทำร้ายผมก็ทำผมคนเดียวไปทำร้ายแฟนผมหรือโรงเรียนทำไม แฟนผมไม่เกี่ยวข้องด้วย ผมเหมือนตายไปแล้วเป็นแค่ซากศพที่มีชีวิต ผมถูกลงโทษทางสังคมดังนั้นจะใช้กฎหมายเพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ผมจะกระชากคนที่อยู่เบื้องหลังมาให้ดูว่าสั่งการเด็กอย่างไร”
ตอนนี้ตนขอปฏิบัติตามคำสั่งของกระทรวงฯเท่านั้น ยังไม่ได้ยืนหนังสือลาออก ตนบริสุทธิ์ใจและจะต่อสู้ทวงความเป็นธรรมให้กับตนเองจนถึงที่สุด ผลสอบออกมาอย่างไรก็ยังจะเดินหน้าสอนหนังสือนักเรียนต่อไป ช่วงนี้ได้แต่ก้มหน้ายอมรับคำกล่าวหาแล้วความจริงก็จะปรากฎจากหลักฐานที่ตนมี
ขณะที่นายธรารัชต์ สมคเณ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 เผยว่า ขณะนี้ได้ย้ายครูพละฉาวไปปฏิบัติราชการชั่วคราวที่ สพม.เขต 1 ตั้งแต่วันศุกร์ ที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนทั้งในทางลับและทางแจ้ง และเกรงว่าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน และตัวเด็กที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหาย ส่วนระยะเวลาดำเนินการ คาดว่าภายใน 7 วันจะทราบผลข้อเท็จจริงทั้งหมด ตอนนี้ยังไม่อยากปรักปรำว่าครูพละมีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวหาจริงหรือไม่ขอเวลาสอบสวนก่อน
เบื้องต้นได้ตั้งคณะกรรมสอบ 5 คน ประกอบด้วยครูในโรงเรียนและคนนอก เริ่มตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อวานนี้ (18 มี.ค.) เป็นวันแรก ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ทั้งครูและเด็กที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหาย เบื้องต้นได้สอบถามผู้ปกครองของเด็กที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหาย ยืนยันว่า ภาพหญิงสาวถ่ายกับครูพละไม่ใช่ลูกของตนเอง ขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียหายไปแจ้งความกับตำรวจ ทั้งนี้หากผลสอบพบว่าครูพละรายนี้กระทำอนาจารเด็กจริงโทษสูงสุดคือไล่ออก
ด้าน พ.ต.อ.มนัส รุ่งนาค ผกก.สน.บางกอกน้อย เผยว่า กรณีครูถูกกล่าวหาข่มขืนกระทำชำเรานักเรียนหญิงในโรงเรียนดังกล่าวมี 2 คดี คดีแรก ครูพละถูกกล่าวหาฉุดเด็กนักเรียนหญิง ม.1 ไปขืนใจในรถเบนซ์ซึ่งเป็นกระแสที่สังคมให้ความสนใจในขณะนี้ ทางโรงเรียนได้ตั้งคณะคณะกรรมการสอบสวนเรียกครูและเด็กหญิงที่อ้างเป็นผู้เสียหายมาสอบถาม ให้การว่าไม่ได้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง ส่วนเรื่องข้อความยอมรับว่ามีการคุยกับนักเรียน ม.1 จริง แต่ไม่ได้คุยเชิงชู้สาว โดยครูอีก 4-5 ราย มาเป็นพยานยืนยันว่าครูพละไม่ได้มีพฤติกรรมดังกล่าว
“จากการสอบสวนค่อนข้างเอนเอียงไปในเรื่องการใส่ร้ายกลั่นแกล้งกัน เนื่องจากพบว่าโพสต์ดังกล่าวมีการแก้ไขดัดแปลงข้อความ 7-8 ครั้ง จากการสอบปากคำครู นักเรียน และผู้ปกครอง ทราบว่าครูพละไม่ได้ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรานักเรียนหญิง ขณะนี้ยังไม่แจ้งข้อหาใดๆ แก่ครูพละ”
ส่วนคดีที่ 2 เกิดเมื่อเดือน ก.ค. ปี พ.ศ.2561 อดีตครูสอนภาษาจีนได้ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรานักเรียนหญิงชั้น ม. 2 หลายครั้ง โดยเด็กหญิงคนดังกล่าวได้ปรึกษาครูประจำชั้นว่าถูกอดีตครูจีนข่มขืน ทางครูที่ปรึกษาจึงได้นำเรื่องไปบอกผู้ปกครองของนักเรียนหญิง ม.2 จากนั้นผู้ปกครองพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลศิริราช ผลตรวจออกมาพบว่าถูกข่มขืนจริง ก่อนที่ทางครอบครัวจะพามาแจ้งความ ที่ สน.บางกอกน้อย
พ.ต.อ.มนัส กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสอบปากคำนักเรียนหญิงชั้น ม.2 ทั้งหมด 3 ครั้ง ใน 2 ครั้งแรกไม่สามารถสอบได้เนื่องจากสภาพจิตใจไม่พร้อมร้องไห้ตลอดเวลา ในครั้งที่ 3 จึงต้องไปสอบปากคำที่โรงพยาบาลศิริราช ร่วมกับสหวิชาชีพซึ่งนักเรียนหญิงคนดังกล่าวได้เล่าเรื่องราวให้ฟังทั้งหมด ว่าถูกอดีตครูจีนกระทำชำเราจริง ทั้งนี้ทราบว่าอดีตครูจีน มีความสนิทสนมกับครอบครัวของนักเรียนหญิงคนดังกล่าวมาก
ภายหลังเกิดเหตุทางโรงเรียนได้ไล่ครูชาวจีนออก ขณะที่พนักงานสอบสวน สน.บางกอกน้อย ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติออกหมายจับ ซึ่งในช่วงเย็นวานนี้ (18 มี.ค.) อดีตครูจีน ได้ติดต่อขอมอบตัวแล้ว พนักงานสอบสวนสอบปากคำสารภาพว่า ก่อเหตุกระทำชำเรานักเรียนหญิง ม.2 จริง ก่อนแจ้งข้อหาพรากเด็กไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดามารดา ทั้งนี้โดยอดีตครูจีน ชอบออกกำลังกาย จึงทำให้หลายคนความเข้าใจผิดว่าเป็นครูคนเดียวกันกับครูพละที่ตกเป็นข่าว