นาซาเปิดภาพ "สะเก็ดดาว" พุ่งตกใส่โลก ที่แทบไม่มีใครรู้เรื่องมาก่อน
"นาซา" เปิดเผยภาพเหตุการณ์สะเก็ดดาวตกใส่โลก เมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้เกิดการปลดปล่อยพลังงานมากกว่า 10 เท่าของระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมะ แต่ไม่มีใครบนโลกรู้เรื่องมาก่อน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การนาซาได้เผยแพร่ภาพสะเก็ดดาวพุ่งตรงเข้าสู่โลก โดยเหตุการณ์นี้แทบไม่มีใครล่วงรู้เลยสักนิด และไม่มีหน่วยงานใดจับสัญญาณของสะเก็ดดาวลูกนี้ได้แม้แต่น้อย เพราะเหตุเกิดขึ้นอยู่พื้นที่น้ำทะเลกว้าง ระหว่างแผ่นดินทวีปเอเชียและอเมริกาเหนือ เมื่อเดือนธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา กล้องจากสถานีดาวเทียมจับเหตุการณ์ครั้งนี้เอาไว้ได้
ตามรายงานระบุว่า สะเก็ดดาวตกพุ่งสู่โลกในครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2561 บริเวณทะเลเบริง มหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือ ซึ่งอยู่ระหว่างประเทศรัสเซีย ฝั่งตะวันออก และรัฐออะแลสกา สหรัฐอเมริกา ฝั่งตะวันตก สะเก็ดดาวตกลูกนี้ได้ปลดปล่อยพลังงานออกมามหาศาล แต่นับว่าเคราะห์ดีที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่
ข้อมูลจากองค์การนาซาระบุว่า สะเก็ดดาวตกลูกนี้ได้ทำการปล่อยพลังงานออกมากว่า 173 กิโลตัน จากการระเบิดบนชั้นบรรยากาศ จากความสูง 16 ไมล์เหนือระดับน้ำทะเลปกติ นับเป็นพลังงานมากกว่า 10 เท่าของระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมะในสงครามโลกครั้งที่ 2
ภาพดังกล่าวถูกบันทึกโดยกล้องจากสถานีดาวเทียมเทอร์รา กล้องประสิทธิภาพสูง จำนวน 5 ใน 9 ตัว สามารถจับภาพเหตุการณ์นี้เอาไว้ได้ โดยจะพบเห็นว่าช่วงเกิดเหตุมีกลุ่มเมฆค่อนข้างหนาทึบปกคลุมอยู่บริเวณพื้นที่ ทำให้สังเกตเห็นการระเบิดตัวของสะเก็ดดาวตกได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม สะเก็ดดาวตกพุ่งสู่โลกครั้งนี้กลายเป็นเหตุที่ไม่มีใครทราบมาก่อน กระทั่งองค์การนาซาได้นำภาพมาเปิดเผย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นอยู่กลางทะเลที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ จุดที่สะเก็ดดาวระเบิดขึ้นอยู่ห่างจากชายฝั่งประเทศรัสเซียหลายร้อยกิโลเมตร ทำให้พลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมาแผ่กระจายไปไม่ถึง
สำหรับเหตุสะเก็ดดาวตกครั้งนี้ ถือว่ารุนแรงน้อยกว่าที่เมืองเชเลียบินสค์ ประเทศรัสเซีย เมื่อปี 2556 ซึ่งครั้งนี้สะเก็ดดาวได้ระเบิดและปลดปล่อยพลังงานออกมามากถึง 440 กิโลตัน และทำให้ประชาชนนับพันได้รับบาดเจ็บ อาคารบ้านเรือนเสียหายจากแรงระเบิด