ดีเจหนุ่ม จส.100 เล่านาทีฉุกเฉิน ช่วยผู้ป่วยวูบกะทันหัน จากโรคเส้นเลือดในสมอง
ดีเจอภิสุข แห่ง จส.100 เล่าประสบเหตุการณ์นาทีฉุกเฉิน พบชายล้มป่วยกะทันหันต่อหน้า ร้องขอยาแก้ปวดแบบเสียงเบาๆ สุดท้ายพบเป็นโรคจากเส้นทางในสมอง ต้องช่วยแข่งกับเวลา
(29 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลมีเดียกำลังให้ความสนใจเรื่องราวที่ ดีเจอภิสุข เวทยวิศิษฏ์ นักจัดรายการสถานีวิทยุ จส.100 ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์ที่เจอกับตัวเอง ระหว่างไปช่วยทำกิจกรรมที่โรงพยาบาลศรีธัญญา ก่อนจะบังเอิญไปเจอชายวัยกลางคนร้องขอยาแก้ปวด และทรุดตัวลงไปกับพื้น กลายเป็นเหตุฉุกเฉิน ช่วยเหลือผู้ป่วยแบบไม่คาดคิด
เฟซบุ๊ก DJ Abhisuk JS100 ได้โพสต์เรื่องราวดังกล่าว เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างทำกิจกรรมที่พิพิธภัณฑ์โรงพยาบาลศรีธัญญา ปรากฏว่าพบเห็นชายวัยกลางคนนั่งทรุดตัวลงไปกับพื้น แล้วพูดขึ้นมาเสียงเบาๆ ว่า "มียาแก้มึนหัวไหมครับ ผมเวียนหัว" แต่ต้องถามซ้ำอยู่ 3 รอบถึงจับใจความได้
ระหว่างที่รอนำยามาให้ ก็พยายามถามอาการอยู่ตลอด เขาก็ตอบว่ายังเวียนหัวอยู่เหมือนเดิม แต่สังเกตว่าอาการเริ่มหนักขึ้น จึงตัดสินใจมองหาคุณหมอที่น่าจะมีอยู่ในงาน กระทั่งเจอน้อง 2 คนที่มีกระเป๋าปฐมพยาบาล น้องเป็นนักศึกษาแพทย์ปี 1 มาถึงก็ช่วยตรวจวัดความดันและซักถาม คงรู้ทันทีว่าอาการผิดปกติ น้องอีกคนจึงรีบวิ่งไปตามคุณหมอ
ตอนนั้นตนสังเกตเห็นบัตรสื่อมวลชน จึงถามเขาว่ามีเพื่อนมาด้วยหรือไม่ เขาพยักหน้า เมื่อพยายามขอเบอร์ติดต่อของเพื่อน เขาพยายามจะขยับแขน แต่พูดออกมาว่า "แขนชา ขยับไม่ค่อยได้" ตอนนั้นจึงรู้ว่าอาการไม่น่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ แล้วแน่นอน จากประสบการณ์ที่เคยถามผู้คนมาน่าจะเกี่ยวกับหลอดเลือดในสมอง
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มประคองสติไม่ได้แล้ว น้องนักศึกษาแพทย์พยายามประคองให้นอนหงาย ขณะที่ตนก็ติดต่อคนใกล้ชิดให้ทราบ ไม่นานคุณหมอก็มาถึงพอดี ใช้เวลาสังเกตอาการอยู่ประมาณ 1 นาที แล้วบอกว่า "น่าจะเป็นอาการเกี่ยวกับสโตรก รีบแจ้งขอรถพยาบาลด่วน ไม่งั้นแย่แน่ ที่นี่ไม่ได้จะมีเครื่องมือ"
เมื่อถามคุณหมอว่าส่งรักษาที่นี่เลยไม่ได้หรือ คุณหมอบอกว่า "ที่นี่มีห้องฉุกเฉิน ดูได้เบื้องต้น แต่อุปกรณ์ช่วยตรงนี้ไม่มี ต้องส่งไปรักษาต่ออยู่ดี หรืออย่างน้อยต้องเอารถพยาบาลมาถึงก่อน บนรถจะมีอุปกรณ์ เปิดเส้นเลือดให้ยาละลายลิ่มเลือดได้ก่อน"
หลังโทรแจ้งไป 5 นาที ยังไร้วี่แววรถพยาบาล คุณหมอสีหน้าไม่ดี ทุกคนก็กระวนกระวายมองหารถพยาบาล ส่วนผู้ป่วยชักเกร็งเป็นครั้งที่ 2 สังเกตว่าหมอแทบไม่ได้ทำอะไรเลยกับผู้ป่วย เพียงแต่ช่วยจัดท่าให้นอนตะแคงและให้พื้นที่เปิดโล่ง ผู้ป่วยธาตุเริ่มแตก มีเลือดออกทางปาก มีปัสสาวะไหล เริ่มมีบุคลากรทางการแพทย์มาช่วยมากขึ้น หยิบอุปกรณ์ต่างๆ เท่าที่จะหาได้ตรงนั้นมาช่วย
คุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่เดินผ่านมาตรงนี้ ต่างรุมช่วยเท่าที่จะทำได้ แต่ติดที่ไม่มีอุปกรณ์ ทุกคนช่วยโทรศัพท์ประสานกันภายในอีกทีว่าให้เอารถจากศรีธัญญามาก่อน เตรียมแผนรองรับไว้ที่ห้องฉุกเฉินด้วยอีกทาง เวลาก็ผ่านไปไวมาก
สรุปแล้วกว่ารถพยาบาลจะมาถึงใช้เวลาประมาณ 20 นาที เป็นรถของ รพ.ศรีธัญญา นั่นเอง แล้วพาผู้ป่วยขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันรถพยาบาลที่ขอไปครั้งแรกได้ยินว่ามาจาก รพ.พระนั่งเกล้า ให้ตามไปที่ห้องฉุกเฉินเพื่อรับต่อ พอผู้ป่วยไปแล้ว สถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลาย ทุกคนต่างโล่งอกและภาวนาให้ผู้ป่วยคนนั้นปลอดภัย สโตรกต้องแข่งกับเวลา เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด ต้องรักษาภายใน 4 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นสมองอาจเสียหายได้
อย่างไรก็ตาม ดีเจ ยังได้ทิ้งท้ายว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นประสบการณ์ชีวิต อย่าละเลยปล่อยผ่านการขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้า ยอมรับว่าตอนแรกที่ผู้ป่วยส่งเสียงมา ยังนึกว่าเขาอาจจะเป็นผู้ป่วยจิตเวชที่อยู่ในโรงพยาบาล แต่สังเกตว่ามีบัตรนักข่าวห้อยอยู่ และดีใจที่ตัดสินใจช่วยจนจบเหตุการณ์ เหตุการณ์นี้สอนให้รู้ว่า "สติสำคัญที่สุด"