ท้องฟ้าเปลี่ยนสีที่แม่สาย หมอกควันยังวิกฤตหนัก ค่าฝุ่นพุ่งแตะ 300

ท้องฟ้าเปลี่ยนสีที่แม่สาย หมอกควันยังวิกฤตหนัก ค่าฝุ่นพุ่งแตะ 300

ท้องฟ้าเปลี่ยนสีที่แม่สาย หมอกควันยังวิกฤตหนัก ค่าฝุ่นพุ่งแตะ 300
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คนแม่สายไม่เห็นตะวันมา 2 วันแล้ว บรรยากาศท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มแดง หมอกควันปกคลุมหนา ค่าฝุ่นละอองทะยานสู่หลัก 300 ไมโครกรัม ชาวบ้านขาดแคลนหน้ากาก N95

(31 มี.ค.) บรรยากาศบริเวณหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ยังคงพบว่า สภาพอากาศยังอยู่สภาวะวิกฤตต่อเนื่อง เพราะสถานการณ์หมอกควันไฟปกคลุมอย่างหนาแน่น ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี กลายเป็นสีเหลือส้มออกแดง

โดยกรมควบคุมมลพิษได้ตรวจวัดสภาพฝุ่นละอองขนดาเล็กในอากาศ ค่า PM 2.5 และค่า PM 10 ทะลุขึ้นไปสูงกว่า 300 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทำให้ชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ตลอดจนนักท่องเที่ยวต้องสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันอันตรายจากฝุ่นละอองดังกล่าว

ล่าสุดทางเทศบาลตำบลแม่สายและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต้องระดมรถนำเข้าทำการฉีดพ่นละอองน้ำสร้างความชุ่มชื้นทางอากาศ เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองให้เบาบางลง เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะให้กับชาวบ้าน โดยปัญหาหลักยังคงเกิดการเผาไร่และเผาป่าในพื้นที่ชายแดนทั้งฝั่นประเทศเมียนมาและประเทศไทย

ทั้งนี้ ชาวบ้านอยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำฝนหลวง หรือ ฝนเทียม เพื่อชำระล้าง เนื่องจากรอฝนจากธรรมชาติยังไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้น ทั้งนี้หลายงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้มีการเปิดขอรับบริจาคหน้ากากอนามัยจากผู้มีจิตศรัทธาเพื่อนำมาแจกจ่ายประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะหน้ากาก N95 ซึ่งเป็นหน้ากากที่ป้องกันฝุ่นได้ดี แต่เนื่องจากหน้ากากมีราคาสูงและในพื้นที่ขาดตลาด

ขณะที่ทางนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ประสานขอความร่วมมือกับทางอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งทั้ง 18 อำเภอให้ระดมฉีดพ่นละอองอย่างต่อเนื่องวันละอย่างน้อย 1-2 รอบเพื่อลดปริมาณหมอกควัน หากสถานการณ์ยังไม่มีคลี่คลายหรือรุนแรงขึ้นก็เตรียมที่จะประสานขอเครื่องบินเพื่อมาโปรยน้ำทางอากาศ เพื่อบรรเทาปัญหาช่วยอีกทางหนึ่ง โดยยังประกาศงดเผาในพื้นที่ทุกชนิดจนถึงวันที่ 15 เมษายน 2562

>> โซเชียลร่วมอาลัย อาสาดับไฟป่าเชียงราย พลัดตกเขาเสียชีวิตในหน้าที่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook