หนุ่มท้อแท้ชีวิต อุ้มลูกน้อยยืนปากอุโมงค์ทางลอด ตากแดดเป็นชั่วโมง
หนุ่มหนองคายเครียด อุ้มลูกตัวน้อยยืนปากอุโมงค์ถนนทางลอด สูงกว่า 13 เมตร ท่ามกลางแดดร้อนระอุ เจ้าหน้าที่ช่วยเกลี้ยกล่อมนานนับชั่วโมง กระทั่งสำนึกได้และสงสารลูกที่ต้องทนร้อน ก้มกราบเท้าขอโทษแม่
เมื่อวานนี้ (31 มี.ค.) ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งว่าพบเหตุชายอุ้มเด็กออกไปยืนบนปากอุโมงค์ทางลอด บริเวณสี่แยกบายพาส อุดรธานี-หนองคาย เขตเทศบาลนครอุดรธานี ทาง ร.ต.อ.นันทวัฒน์ สิงโต รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยตำรวจ 191, ตำรวจชุดสืบสวน, ตำรวจจราจร, หน่วยกู้ชีพจากโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างเมธา รุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุ พบชายคนหนึ่งกำลังยืนอุ้มลูกชายอายุประมาณ 2-3 ขวบ ยืนอยู่ปากอุโมงค์ทางลอด บนคานคอนกรีตที่กำลังก่อสร้างอยู่ ซึ่งมีความสูงประมาณ 13 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพได้พยายามพูดจาเกลี้ยกล่อม ให้เขาเดินกลับเข้ามา แต่ก็ยังไม่เป็นเหตุ เนื่องจากผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการเครียด
ผู้ก่อเหตุคือ นายเปี๊ยก (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี เป็นชาว จ.หนองคาย ซึ่งพูดจารู้เรื่องและยังเข้าใจดี ท่ามกลางสภาพาอากาศที่ค่อนข้างร้อนอบอ้าวและแดดแรง ขณะที่รถที่สัญจรผ่านไปมาก็ได้ชะลอรถดู ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งจัดระเบียบ
ขณะที่ชาวบ้านต่างพากันยืนดูและใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปเอาไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอความร่วมมือให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องถอยออกจากจุดดังกล่าว เพื่อไม่ให้ชายคนดังกล่าวเครียดไปมากกว่านี้
สำหรับสาเหตุที่ นายเปี๊ยก ที่อุ้มลูกชายออกมายืนอยู่ที่ปากอุโมงค์ เพราะเครียดปัญหาเรื่องในครอบครัว เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปยัง นางสมปอง ผู้เป็นแม่ของนายเปี๊ยก ให้เดินทางมาช่วยเกลี้ยกล่อม แต่ก็ยังไม่เป็นเหตุ ขณะที่ภรรยาของนายเปี๊ยก ทราบว่าอยู่ระหว่างเดินทางไปร่วมงานศพที่ต่างอำเภอ และกำลังรีบเดินทางมาจุดเกิดเหตุ เมื่อทราบข่าวดังกล่าว
หลังจากเวลาผ่านไปชั่วโมง นายเปี๊ยก เริ่มมีอาการอ่อนเพลีย เพราะอากาศร้อนมาก และยืนตากแดดอยู่บนคานคอนกรีต เป็นเวลานาน โดยที่ไม่ได้สวมใส่รองเท้า ทำให้เริ่มสำนึกคิดสงสารลูกชายที่ต้องมาตากแดดร้อนๆ ด้วย จึงยอมเปลี่ยนใจเดินกลับเข้ามาในที่ร่วม และยื่นลูกชายกับให้แม่อุ้มไว้ ก่อนจะก้มลงกราบเท้าแม่ เพื่อเป็นการขอโทษ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวเข้าไปสงบสติอารมณ์ หาข้าวหาน้ำให้ดื่มกิน เนื่องจากผู้ก่อเหตุบ่นว่าหิวข้าว พร้อมกับสอบถามนายเปี๊ยกถึงปัญหาชีวิต ทำให้นายเปี๊ยกรู้สึกผ่อนคลายลงไปมาก
นายเปี๊ยก เล่าว่า ตนเองมีอาชีพรับจ้างทำงานทั่วไป แต่มีปัญหาในครอบครัว ที่ตัวเองไม่สามารถแก้ไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตัดสินใจอุ้มลูกชายเดินเรื่อยเปื่อยและมายืนที่ปากอุโมงค์ทางลอดดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายเปี๊ยกไปในที่ปลอดภัยและพูดจาตักเตือนให้กำลังใจในชีวิตต่อไป