ภาพหดหู่ "ดอยหลวงเชียงดาว" ไฟป่าเผาผลาญเป็นทะเลเพลิง ดับทั้งวันทั้งคืนยังไม่มอด
(1 เม.ย.) สถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือยังคงรุนแรง โดยพบว่า หลายพื้นที่ในเขตภูเขาในประเทศไทย เจ้าหน้าที่พยายามออกดับไฟอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา มีการแชร์ภาพพื้นที่ดอยหลวงเชียงดาวสถานที่ท่องเที่ยวที่นั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมไปเยือนเพราะยังมีความสมบูรณ์ของธรรมชาติอยู่สูง ตอนนี้กลายเป็นทะเลเพลิงอย่างน่ากลัว
ข้อมูลระบุว่า ไฟป่าบนดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งเป็นดอยที่สูงอันดับ 2 ของประเทศไทย ลุกไหม้มาเกือบอาทิตย์แล้วยังไม่สามารถดับได้ โดยจุดพื้นที่ไฟไหม้ป่านั้นได้ลุกลามจากป่าด้านล่างขึ้นไป ตอนนี้ไฟยังไปหยุดอยู่ที่หน้าผา ก่อนถึงยอดดอยหลวง แต่ไฟป่ายังไปไม่ถึงยอดดอยหลวง เนื่องจากมีหน้าผากั้นไว้ แต่การการเข้าไปดับไฟเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเป็นภูเขาสูงชัน
กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า สโมสรค่ายกาวิละ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พลตรีบัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า กล่าวว่า ทางกองทัพบกได้จัดส่งอากาศยานของกองทัพอากาศและกองทัพบกมาเสริมกำลังในการโปรยน้ำ เพิ่มความชื้นในอากาศ และทิ้งน้ำดับไฟป่า
ทางด้านการจัดประชุมเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ที่ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า จ.เชียงใหม่ ภายในอาคารเอสเอ็มอี ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เผยว่า นอกจากมาตรการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน การดูแลสุขภาพของประชาชนก็เป็นที่จังหวัดให้ความสำคัญ โดยจะกำชับและขอความร่วมมือให้ประชาชนงดเว้นทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงที่ค่าพีเอ็ม 2.5 เพิ่มสูง เพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพ ขณะเดียวกันในช่วงค่ำวันนี้ที่จะมีการแถลงข่าวงานประเพณีสงกรานต์ ซึ่งเป็นการแถลงข่าวกลางแจ้ง ก็ได้สั่งให้งดแล้วเช่นกัน
ส่วน นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ระบุว่า สาเหตุของไฟป่าที่เกิดขึ้นในประเทศ เกิดจากฝีมือของมนุษย์ 100 เปอร์เซนต์ ทั้งการเข้าไปหาของป่าและล่าสัตว์ ที่ผ่านมาประชาชนกลับตำหนิแต่ส่วนราชการ จึงอยากขอให้ตำหนิคนจุดไฟเผาป่าด้วย เพราะเจ้าหน้าที่ทำงานกันอย่างเต็มที่จนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพื่อดับไฟป่า และหลายคนก็ประสบอุบัติจนได้รับบาดเจ็บมาแล้ว
ด้าน นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ค่าเฉลี่ยจุดฮอตสปอตที่ตรวจพบตั้งแต่ช่วงต้นปี 2562 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2561 มีค่าเฉลี่ยใกล้เคียงกัน แต่ 3 ปีที่ผ่านมาการเผาไหม้มีน้อย ส่งผลให้เชื้อเพลิงมีมากขึ้นทุกจุด ขณะเดียวกันตั้งแต่ต้นปี จ.เชียงใหม่เกิดฝนทิ้งช่วง จึงเกิดความแห้งแล้งสูง ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่กรมฯควบคุมมลพิษเริ่มใช้มาตรฐานการวัด พีเอ็ม 2.5 มาเป็นเกณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพของประชาชน โดย จ.เชียงใหม่มีทั้งหมด 4 สถานี แต่ในอนาคตกรมฯมีแผนจะติดตั้งเครื่องวัด พีเอ็ม 2.5 ให้ครบทุกอำเภอ เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก ม่วนใจ๋ l กลุ่มเกษตรอินทรีย์วิถีธรรมชาติเชียงดาว ได้เป็นศูนย์กลางการรับความช่วยเหลือเหตุไฟไหม้ดอยหลวงเชียงดาว โดยระบุว่า
ระยะสั้นนี้ยังต้องการ
1. เครื่องและอุปกรณ์เป่าลมเพื่อควบคุมการลุกลามของไฟ
2. อุปกรณ์เดินป่า และอุปกรณ์ป้องกันภัย
3. ยารักษาโรค ข้าวสารอาหารแห้ง เครื่องดื่ม (ที่พกพาได้ง่าย ให้พลังงาน)
• ส่งปัจจัยสนับสนุนได้ที่
เลขที่บัญชี 471-2-41062-6 ธ.กสิกรไทย น.ส.ชลธิชา ชูจิตร
• ติดต่อสอบถามสถานการณ์ไฟป่า
คุณธนากร ศรีสุรักษ์
หน.สถานีควบคุมไฟป่าเชียงดาว
โทร. 084 0030 130
• ติดต่อร่วมสนับสนุนสิ่งของ
คุณศรัณยา กิตติคุณไพศาล(พี่แหม่ม)
โทร.089 9463 565
คุณจิราวรรณ คำซาว(พี่มล)
โทร. 088 2692 510
คุณธีรวัฒน์ เสื้อมา(พี่ปุ้ย)
โทร. 095 4962 556
คุณหทัยกาญจน์ ดวงบาล(พี่ป๋วย)
โทร. 086 0411 436
• ที่อยู่ส่งของสนับสนุน
คุณธีรวัฒน์ เสื้อมา
ม่วนใจ๋ | กลุ่มเกษตรอินทรีย์วิถีธรรมชาติเชียงดาว
182 หมู่ 5 ต.เมืองงาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 50170
โทร. 095-496-2556
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ