“ไปแค่ปากซอย ไม่สวมหมวกกันน็อก” การตัดสินใจที่เปลี่ยนทั้งชีวิต

“ไปแค่ปากซอย ไม่สวมหมวกกันน็อก” การตัดสินใจที่เปลี่ยนทั้งชีวิต

“ไปแค่ปากซอย ไม่สวมหมวกกันน็อก” การตัดสินใจที่เปลี่ยนทั้งชีวิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ถ้าย้อนเวลาได้...”

เชื่อว่า หลายคนคงเคยมีประโยคนี้ขึ้นมาในหัว แม้จะรู้ว่า มันเป็นไปไม่ได้

เช่นเดียวกับ คุณศักดา บุญสุขศรี ชายคนหนึ่งที่อยากย้อนเวลาไปแก้ไขเหตุการณ์เมื่อ 20 ปีก่อน  

“ผมไม่เคยลืมวันนั้น 1 กรกฎาคม 2540 ตอน 6 โมงเย็น ผมนั่งกินเหล้าอยู่ที่บ้าน พอเหล้าหมด ก็เลยออกไปซื้อที่หน้าปากซอยมากินต่อ ก็ทำแบบนี้เป็นประจำ 700-800 เมตร ใกล้แค่นี้เอง เดี๋ยวเดียวก็กลับมากินต่อ แล้วก็นอน”

ใครจะคิด กับคำว่า ‘แค่นี้เอง’ จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตคน ๆ หนึ่ง

“คนเห็นเหตุการณ์เล่าว่า ผมขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงทางโค้ง และมีรถสวนมา ผมเลยหักหลบไปชนกำแพงอย่างจัง สลบไป 7 วัน ตื่นมาอีกทีอยู่ในโรงพยาบาล แต่ผมจำเหตุการณ์ตอนนั้นไม่ได้เลย เพราะเลือดคั่งในสมอง”

คุณศักดาเล่าด้วยน้ำเสียงขมขื่นต่อไปว่า

“นับถึงวันนี้ก็กว่า 21 ปีแล้ว ที่ผมต้องใช้ชีวิตบนรถเข็น เพราะกระดูกสันหลังหักทับเส้นประสาทจนเป็นอัมพาต ขับถ่ายเองก็ไม่ได้ แถมยังต้องคอยไปหาหมอเพื่อรับยาทุกเดือน จากลูกชายคนโตที่กำลังจะบวช แล้วหางานทำ มาเลี้ยงพ่อแม่ กลับกลายต้องมาเป็นภาระของครอบครัว”  

ไม่น่าเชื่อว่า ระยะเวลาจากตอนสตาร์ทเครื่อง ไปจนถึงจุดเกิดเหตุ เพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น

5 นาทีที่หลาย ๆ คนคงคิดว่า เอาอยู่ ดื่มนิดเดียวเอง หมวกไม่ต้องสวมก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก

“ผมไม่ได้สวมครับ ตอนนั้นสวมเฉพาะตอนออกถนนใหญ่ เอาไว้กันตำรวจจับ ไม่ได้คิดเรื่องป้องกันอันตรายอะไร

คุณศักดานึกทบทวนความผิดพลาด

“ถ้าใส่หมวกกันน็อก อาจไม่ต้องเป็นแบบนี้ สมองของผมต้องใช้เวลา 2-3 ปีกว่าจะฟื้นฟูกลับมาปกติ ช่วงแรก ๆ ถึงขนาดว่า แค่นั่งเฉย ๆ น้ำมูกก็ไหลออกมาเอง”

สิ่งที่คุณศักดาได้เจอ ถือเป็นความโศกเศร้าของชายคนหนึ่งและครอบครัว อย่างไรก็ตามทุกวันนี้คุณศักดากลับเลือกใช้ชีวิตของตัวเองเป็นบทเรียนให้กับคนอื่น เพื่อที่จะไม่ให้ใครต้องมาเผชิญชีวิตแบบเขา

“ตอนนั้นเวลาผมเห็นข่าวอุบัติเหตุก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับเรา ในวันนี้ผมจึงอยากให้ชีวิตผมเป็นอุทาหรณ์”

ชีวิตของคุณศักดาสอดคล้องกับข้อเท็จจริงว่า อุบัติเหตุมักเกิดขึ้นใกล้ที่พักอาศัยไม่เกิน 5 กิโลเมตร การดื่มเบียร์เพียงแค่ 2 กระป๋องทำให้ร่างกายสูญเสียการควบคุม และหมวกกันน็อกที่มักคิดว่าไม่จำเป็น แต่เวลาเกิดเหตุไม่คาดฝันสามารถลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ถึง 72 %

ดังนั้นอย่าให้คำว่า ‘แค่นี้เอง’ ทำให้เราต้องอยากกลับไปแก้ไขอดีตกันอีกเลย เพราะทุกคนก็รู้ดีว่า มันเป็นไปไม่ได้

(Advertorial)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook