โจรฉกสร้อยคอทองคำหลบหนี เจ้าของร้านปัดให้ข้อมูล-บอกให้เป็นหน้าที่ตำรวจ

โจรฉกสร้อยคอทองคำหลบหนี เจ้าของร้านปัดให้ข้อมูล-บอกให้เป็นหน้าที่ตำรวจ

โจรฉกสร้อยคอทองคำหลบหนี เจ้าของร้านปัดให้ข้อมูล-บอกให้เป็นหน้าที่ตำรวจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เผยภาพกล้องวงจรปิด คนร้ายทำทีขอซื้อสร้อยคอทองคำจากร้านทอง ย่าน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะเจ้าของร้านเผลอวิ่งหลบหนี

(3 เม.ย. 62) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งมีการส่งต่อภาพคลิปภาพจากกล้องวงจรปิด ไปตามกลุ่มไลน์ต่างๆ พร้อมระบุข้อความ พบเบาะแสคนร้ายให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะอิน ห้ามโพสต์ในเฟซบุ๊ก 

โดยเป็นเหตุการณ์ที่คนร้ายเป็นชาย อายุประมาณ 30-40 ปี  เห็นใบหน้าคนร้ายชัดเจน สวมเสื้อยืดโปโลสีเขียว กางเกงขายาวสีดำ เข้าไปทำทีติดต่อขอซื้อ สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 สลึง

เมื่อทางเจ้าของร้านหยิบออกมาให้ดู คนร้ายก็ทำทีลองสวมที่คอดู พอสบโอกาสคนร้ายได้คว้าทองรูปพรรณดังกล่าววิ่งหลบหนีออกจากร้านไป ต่อมา ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบที่ร้านทอง ตั้งอยู่ ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นร้านที่เกิดเหตุ

จากการสอบถาม ทางเจ้าของร้านที่ถูกคนร้ายวิ่งราวสร้อยคอทองคำไป ไม่อยากที่จะเป็นข่าว เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอร้องเอาไว้ รับปากว่า จะเร่งติดตามคนร้ายมาให้เร็วที่สุด และมีข้อมูลของคนร้ายบ้างแล้ว 

ทางเจ้าของร้านเปิดเผย ให้ข้อมูลเพียงว่า ภาพตามกล้องวงจรปิด เหตุเกิดเมื่อวันที่  30  มี.ค. 2562 ช่วงเวลาประมาณ  19.00 น. คนร้ายเข้ามาติดต่อขอซื้อ สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง จะเข้าไปหยิบในร้านมาให้ดู ซึ่งจังหวะที่คนร้ายลองสวมใส่แล้วหันไปที่กระจกได้ฉวยโอกาสวิ่งหลบหนีออกจากร้านไป 

ซึ่งปกติที่ร้านทองส่วนใหญ่จะรับจำนำมากกว่าที่จะขายทองรูปพรรณ โดยเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ จะไม่ค่อยนำทองรูปพรรณออกมาโชว์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ติดต่อสอบถามความคืบหน้าของคดีนี้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ข้อมูลเพียงว่า กำลังเร่งดำเนินการติดตามคนร้ายอยู่ ทั้งนี้ ประชาชนที่เห็นภาพของคนร้ายมีรูปร่างลักษณะตามภาพที่ปรากฎ สามารถแจ้งข้อมูลได้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

อัลบั้มภาพ 1 ภาพ

อัลบั้มภาพ 1 ภาพ ของ โจรฉกสร้อยคอทองคำหลบหนี เจ้าของร้านปัดให้ข้อมูล-บอกให้เป็นหน้าที่ตำรวจ

โจรฉกสร้อยคอทองคำหลบหนี เจ้าของร้านทองปัดให้ข้อมูล-บอกให้เป็นหน้าที่ตำรวจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook