แหวน แหวน สวยไม่แคร์ครหา ดอกไม้พลาสติก
ยุคนี้คนวงการบันเทิงจะมีความสามารถและเก่งอย่างเดียวไม่พอ หน้าตายังถือว่ามีส่วนสำคัญอยู่เช่นเคย แม้ว่าบางคนความสวย-ความหล่อ พ่อแม่จะให้มาตั้งแต่เกิดแล้วก็ตาม แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าไปไกล ความต้องการของคนเราก็ไม่เคยพอ ทำให้ผู้คนไม่ว่าจะวงการไหนๆ จะต้องหาสิ่งเติมเต็มให้กับตัวเองเสมอ โดยเฉพาะยุคนี้ขาดนิดเติมหน่อยเป็นเรื่องธรรมดา
แต่หากพูดถึงเรื่องศัลยกรรมแล้ว มีสาวคนหนึ่งที่กล้าเผยตัวตนที่แท้จริงเสมอ ชนิดที่ไม่เคยอายใครหากถูกเมาท์ว่าเธอสวยด้วยศัลยกรรมก็ตาม วันนี้ "ดาวต่างมุม" ขอโฟกัสไปที่สาวไฮโซมากความสามารถอย่าง แหวนแหวน- ปวริศา เพ็ญชาติ ทายาทพันล้านลูกสาวคนเดียวของตระกูลเพ็ญชาติ ที่แจ้งเกิดจากการเป็นแขกรับเชิญรายการเจาะใจ จากนั้นสาวขนตาหน้าเด้งคนนี้ ก็ถูกจับตามากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากถูกแต่งตั้งให้เป็น เรน แอมบาสเดอร์ แล้วก็มีโอกาสบินไปบินมาจนเป็นที่รู้จักทั้งในไทยและเกาหลี นั่นจึงเป็นที่มาของธุรกิจล่าสุดของ สาวแหวน แหวน คนนี้ บิวตี้ทัวร์ จัดทัวร์ศัลยกรรมแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ลัดฟ้าไปทำถึงเกาหลี ซึ่งมีชื่อเสียงโดดเด่นในเรื่องศัลยกรรมใบหน้าทุกรูปแบบ เรียกว่าลูกค้ากระเป๋าหนักจ่อคิวกันเพียบ
ยิงคำถามแรกของอัพเดทเรื่องงานในตอนนี้ของเธอกันก่อน?
"ตอนนี้งานด้านฝั่งบันเทิง มีพิธีกร 4 รายการ "สีสันบันเทิง", "สีสันบันเทิง" (สด), แชแนล ทรี พาวเวอร์ทีม และรายการทางยูบีซีอีก 1 รายการ ส่วนตอนนี้ก็จบปริญญาโท จุฬาฯ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมเรียบร้อยแล้วค่ะ รอรับปริญญาในเดือนกรกฎาคม แล้วคงจะแพลนเรียนต่อปริญญาเอก ถ้าไปต่อที่อเมริกาก็จะเสียดายงานที่ทำไว้เพราะทุกอย่างกำลังไปด้วยดี นอกจากนี้แหวนแหวนยังเปิดบริษัท อาร์ตทิสส์ เอเจนซี่ และ เซอร์เจอรี่ ทัวร์ ที่ตัวเองเป็นหุ้นส่วนกับทางเพื่อนที่เกาหลีค่ะ"
เป็นมาอย่างไรถึงมาเริ่มธุรกิจประเภทนี้ได้ โดยเฉพาะกับทางเกาหลี?
"จริง ๆ แล้ว ตอนนั้นอยู่ช่อง 7 แหวนแหวนได้เดินทางไปสัมภาษณ์ เรน (นักร้องเกาหลี) แล้วก็ได้มาเป็น เรน แอมบาสเดอร์ ช่วงนั้นเลยได้รู้จักคนเยอะ ทั้งกับเรนเองและเพื่อนๆ เขาอีกหลายคน เพราะมีการแนะนำให้รู้จักคนโน้นคนนี้ โดยส่วนใหญ่คนเกาหลีเองเขาก็ชอบเมืองไทย เลยเหมือนสนิทกัน ประกอบกับช่วงนั้นเริ่มเรียนปริญญาโท พ่อก็บอกให้คิดด้วยนะว่าจะทำอะไร พ่ออยากให้แหวนแหวนทำธุรกิจ ธุรกิจของที่บ้านก็ไม่ได้ชอบขนาดนั้น อย่างน้อยเขาอยากให้เราเริ่มทดลองหาประสบการณ์จากธุรกิจอื่นๆ ก่อน เพราะว่าพ่อเห็นว่าแหวนเองก็อยู่วงการบันเทิงมาขนาดนี้แล้ว จะให้ดึงกลับไปทำงานบริษัทเลย ก็จะฝืนใจไปนิดนึง แต่ถ้าจะไม่ลองอะไรเลย มันก็ไม่ได้ อย่างไรก็ตามวันหนึ่งอาจกลับมาดูแลกิจการของที่บ้านด้วย"
ทุกอย่างเกิดจากความชอบส่วนตัวด้วยรึเปล่า?
"ใช่ค่ะ ก็ด้วยนะ คุณพ่อเหมือนให้มองดู ลู่ทางธุรกิจ แต่พ่อให้กฎว่าห้ามลงทุน มานั่งคิดว่าชั้นจะทำอะไรเนี่ย ตอนนั้นก็คิดหลังจากจบคอนเสิร์ต เรน คัมมิ่ง ช่วงปี ค.ศ. 2007 เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก และโอกาสไปเกาหลีก็มองๆ แล้ว ที่นี่เป็นประเทศที่แหวนชอบนะ ถ้าทำอะไรที่นี่ก็ดี ประกอบกับมีคนชอบมาถาม อยากติดต่อคนนั้นคนนี้ แหวนรู้จักไหม เลยไปคุยๆ กับเพื่อนว่าถ้าอยากจะทำแบบนี้ มันจะเป็นไปได้ไหม แล้วก็มีเพื่อนที่เมืองไทยในวงการ มาถามว่ารู้จักหมอดีๆ บ้างไหม แล้วพอดีมีเพื่อนเป็นเอเจนซี่ที่เกาหลี เขารู้แหล่งว่าควรจะพาดาราไปทำที่ไหน เลยแนะนำให้เราพาเพื่อนไป เขาก็แฮปปี้กัน เลยกลายเป็นการพูดปากต่อปาก แหวนแหวนก็ให้ผู้จัดการไปทำก่อนเพื่อนเลย ให้ลองทดลองทำดู พอทำก็สวย เลยเริ่มอยากทำเอง แต่แอบกลัวนิดนึง กลับมาคิดว่าเป็นธุรกิจที่ไม่ได้ลงทุนดีนะ ในส่วนของเอเจนซี่ มีใคร มาติดต่อเราเป็นตัวกลางให้ จุดแข็งของเราคือคนที่เกาหลีเชื่อถือเรา แล้วแหวนเองก็ชอบที่นั่นด้วย นี่ก็ไปแทบทุกเดือนเลย เหมือนเป็นบ้านหลังที่สองแล้วค่ะ"
เมื่อก่อนมองเรื่องศัลยกรรมเป็นอย่างไรบ้าง แล้วเปรียบเทียบกับความคิดตอนนี้หน่อยได้ไหม?
"แหวนไม่ได้แอนตี้เลยนะ จะแอนตี้อะไรที่แบบที่ทำเถื่อนมากกว่า อย่างนั้นมันไม่น่าเชื่อถือ แต่ถ้าเป็นอะไรที่ดี ที่โมดิฟายแล้วออกมาโอเค มาถึงกลับทำแล้วจำหน้าตาเดิมของตัวเองไม่ได้ ควรทำแค่นิดๆ หน่อยๆ ดูแล้วธรรมชาติดีกว่า ช่วงแรกๆ ที่กลัวคือกลัวเจ็บ เพราะเขาจะไมทะนุถนอมเท่ากับหมอไทย แบบว่าให้เจ็บทีเดียวออกมาดี เช่น ถ้าทำตาจะไม่ฉีดยาชานะ เพราะมันจะบวม เดี๋ยวทำเสร็จแล้วจะดูไม่เป็นธรรมชาติ อีกอย่างงานที่นั่นจะละเอียดมาก รอยที่เย็บเล็กมากแค่ 5 มิลลิเมตรเอง ให้ผลออกมา100% เต็ม ผลออกมาก็สวยจริง ตอนนี้คิดว่ามันง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะ คุณหมอที่แหวนแหวนรู้จัก ไม่ได้ทำแบบเชิงพาณิชย์ด้วย ออกแนวไม่เชียร์ด้วยซ้ำ ถ้าอยากทำให้ยังเคยทำให้ฟรีเลยยังมีออกแนวติสต์ๆ หน่อยค่ะ ซึ่งคุณหมอคนนี้ฝีมือ ติด 1 ใน 5 หมอมีชื่อที่นั่นเลย แถมแผลมีความละเอียดสูง ก็หายเร็วมากด้วยค่ะ"
แหวนแหวนเริ่มศัลยกรรมที่ไหน?
"เคยทำจมูกค่ะ ทำที่เมืองไทย เนี่ยล่ะ ถึงตอนนี้อยากอัญเชิญมันออกมากเลย"
ตอนนี้ส่วนตัวทำอะไรอีกรึเป่า?
"ที่ตาค่ะ แต่ว่าไปเย็บให้มันเท่ากันเฉยๆ เมื่อก่อนไม่อยากใส่ขนตา เพราะใส่แล้วตาจะตี่ เหมือนกล้ามเนื้อตามันเปิดไม่เท่ากัน เลยไปปรึกษาคุณหมอที่เมืองไทย หมอแกก็น่ารักนะ บอกตรงๆ ว่าต่อให้ทำตาก็ออกมาไม่เท่ากันเหมือนเดิม เพราะมันไม่ได้อยู่ที่ชั้นตา ปัญหาอยู่ที่การเปิดปิดของกล้ามเนื้อตา เพราะกรีดตาก็ไม่ได้ช่วยแต่จริงๆ แล้วที่เกาหลีเขาจะค่อนข้างเก่งนะ เขาสามารถกรีดชั้นลึกขึ้นมาให้ดูดีขึ้นได้ค่ะ"
กลัวคนมองว่าสวยด้วยศัลยกรรมบ้างมั้ย?
"เจอคำถามนี้บ่อยมาก เหมือนเป็นดอกไม้พลาสติก เมื่อก่อนมองศัลยกรรมเป็นแบบว่าตายแล้ว แอบละอายแก่ใจ มันเหมือนเป็นค่านิยม แล้ว แต่คนจะคิดนะ คนเขาจะเปรียบเทียบชาย-หญิงว่ารักนวลสงวนตัว เรียบร้อยห้ามอะไรจนกว่าแต่งงาน แต่ตอนนี้ความคิดมันเริ่มเปลี่ยนแปลงไป มันก็เหมือนศัลยกรรมค่ะ ตราบใดที่มันไม่เยอะเกินไป แบบว่าทำจนไม่ดูเป็นธรรมชาติหรือไม่มีที่สิ้นสุดก็โอเค แต่มันต้องมีลิมิต แต่จะให้ไปปิดตายมันเลยก็อาจจะเป็นการมองแคบไป ของแหวนนะแล้วแต่คนจะคิด ในยุคนี้ด้วยเทคโนโลยีเดี๋ยวนี้ด้วยแล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉะนั้นมันก็ปลอดภัยนะในการเอาอะไรไปใส่ไว้ในร่างกาย เดี๋ยวนี้ทุกอย่างที่มันละเอียดมาก วัสดุสมัยนี้เสมือนร่างกายเราเลยนะ อย่างซิลิโคนปัญหาที่เกิดคือวันหนึ่งพังผืดมันจะหุ้มตัว แต่วัสดุอย่างกอร์เท็กซ์จะดูเป็นธรรมชาติกว่า คล้ายๆ กระดูกอ่อนๆ"
รู้สึกอย่างไรที่คนมองว่าเป็น "ไอดอลของการทำศัลยกรรม" ไปแล้ว?
"แหวนว่ามันเป็นไปแล้วแหละ จริงๆ คนคิดว่าทำเยอะ แหวนมอง ก็เฉยๆ นะ เดี๋ยวนี้ผู้ชายสมัยนี้ยังทำเลย บางคนสามีส่งไปทำ แล้วมารับกลับด้วยความภาคภูมิใจ ยิ่งผู้ชายเกาหลีน่ารักใหญ่เลย บางคนพาแฟนมาทำแล้ว นั่งรอด้วยซ้ำ หรือไม่ทำคู่เลยก็มี แต่ไม่ใช่ไปทำจนหน้าเป็น แบรด พิตต์ ตอนนี้ที่เกาหลีการทำศัลยกรรมเหมือนการลงทุนให้ตัวเอง หรือเหมือนกับตอนนี้เก่งไม่พอ ต้องดูดี แต่งตัวดี เป็นภาพลักษณ์องค์กร เป็นอิมเมจ ที่เกาหลีคือพ่อแม่เก็บเงินให้ลูกไปทำเลยนะ เพราะเขาถือว่าเป็นการลงทุนให้ลูก โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลปิดเทอมแน่นมาก"
แล้วตัวเองมีลิมิตในการทำไหม?
"จริงๆ แล้วมันก็มีความคิดผุดขึ้นมาตลอดนะ แต่หมอไม่ให้ทำ หมอเขาเหมือนพ่ออีกคนของเราไปแล้ว แต่เราก็แอบงอ แงนะ เขาบอกเราสวยอยู่แล้วจะทำทำไมอีก" (หัวเราะ) แต่บางครั้งถ้าทำมากไปแบบสมบูรณ์แบบไปเลยก็ไม่เอานะ มันเลิศเลอเกินไปจนดูไม่เป็นธรรมชาติ แม้ว่ามันจะสวยแบบดารา เกาหลีไปเลยก็ตาม แต่มันเหมือนแตะต้องไม่ได้ ก็ไม่เอานะคะ"
ที่บ้านคาดหวังอยากให้กลับไปทำธุรกิจของครอบครัวหรือเปล่า?
"ทำงานที่บ้านโอเค เป็นงานพิเศษที่ค่อนข้างโอเค ธุรกิจนี้เป็นอะไรที่บังเอิญจริงๆ ถ้าย้อนกลับไปต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่ช่วยจุดประกายไอเดียธุรกิจนี้ขึ้นมา คุณพ่อเองก็ตั้งกฎเหล็กมาให้ว่าไม่ต้องลงทุน เศรษฐกิจบ้านเมืองอย่างนี้ การจัดคอนเสิร์ต เรื่องปวดหัวเยอะ แม้ว่าเศรษฐกิจแบบนี้ ยังมีคนมีเงินจะไปเหมือนเดิม แต่แหวนจะถามคนที่อยากทำศัลยกรรมก่อนนะว่ามีรายได้แค่ไหน แล้วมีภาระอะไร เพราะถามว่าการทำศัลยกรรม จำเป็นมั้ย มันก็ไม่ได้จำเป็น ถ้าทำแล้วเสริมคุณได้ เพราะทำงานใช้หน้าตาเนี่ย เขาทำงานเพราะเป็นการลงทุน นั่นคือสิ่งจำเป็น แหวนจะถามก่อนว่ามีความจำเป็นแค่ไหน เพราะหากรับเงินเขามาแล้วก็รู้สึกผิดนะ เงินสมัยนี้ก็ต้องรอบคอบในการคิด บางคนจะมองว่าอุ๊ย! หนูแหวนไม่ให้ทำ เพราะไม่มีเงิน มันไม่ใช่นะ แต่เรารู้ว่าผิดถ้าเราไปเอาเงินของเขามา ถ้าเขาไม่ได้จำเป็นต้องทำ"
จริงๆ แหวนถูกเลี้ยงในกรอบเลยรึเปล่า?
"จริงๆ คุณพ่อคุณแม่ส่งไปเมืองนอกทุกปี แต่ไม่เคยออกห่างจากอ้อมอกบิดามารดานานๆ เลย ฉะนั้น 25 ปี ก็อยู่กับพ่อแม่มาตลอด เป็นอะไร ที่อ๊าย...อาย...ดูเหมือนขายไม่ออก แต่ตอนนี้ถ้าไปต่อปริญญาเอกที่เกาหลี เหมือนห่างบ้านนิดหน่อย ด้วยความที่เราเองก็มีธุรกิจ เหมือนโตขึ้น ต้องเริ่มมีความรับผิดชอบ ยิ่งตอนนี้ไปๆ มาๆ เกาหลี เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ก็ไป เลยดูเหมือนไม่ได้ห่างบ้านเท่าไหร่ อย่างอยู่อเมริกามีความรู้สึกคิดถึงบ้าน ก็กลับยาก ถ้าเป็นเกาหลีถ้าคิดถึงบ้านเมื่อไหร่ ก็ใช้เวลากลับมาได้เลย ไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้วค่ะ จริง ๆแหวนเป็นคนติดบ้านมาก ชอบอยู่บ้าน ไม่ชอบเที่ยว เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงค่ะ ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียว ไม่เคยแบ่งอะไรกับใคร ถ้าแต่งงานมีสามีไป นอนตื่นมาก็เจอกัน กลับจากทำงานเหนื่อยก็เจอกันอีก คงทนไม่ได้ คงตายแน่ๆ สงสารคนที่จะมาเป็นสามีค่ะ เพราะแหวนเองคงมีห้องส่วนตัว ชินกับการอยู่คนเดียว ฉะนั้นหากมีหนุ่มรู้ใจเป็นคนละชาติคงดี จะได้ไม่ต้องเจอกันตลอดไงคะ"
แฮปปี้กับการอยู่คนเดียวเหรอ?
"ชิลๆ นะ เฉยๆ ไม่ได้อะไร ถ้าอยู่เมืองไทยก็บ่นกับคุณแม่ สังคมมันเล็ก มีอะไรพูดถึงกันหมด เป็นปกติของทุกสังคม เวลาพูดอะไรบางอย่างจริง ไม่จริงไม่รู้ พอคนพูดไปแล้วมันใหญ่เรื่อยๆ เราจะแบบเหมือนอยู่คนเดียว ทำงานเป็นเวิร์กกิ้งวูแมนไปสบายใจ เพราะเราขี้รำคาญ อย่างอยู่คนเดียวชีวิตชั้น ก็สมบูรณ์ทุกอย่าง ถ้าแต่งงานไปแล้วสุขภาพจิตอาจด้อยลงก็ได้ อึดอัดจังเลย"
มีหนุ่มๆ มาจีบบ้างไหม?
"มันก็มีบ้าง คุณแม่แทบจะใส่พานโยนแล้ว (หัวเราะ) คุณแม่จะบอกเป็นเพื่อนกันไปก่อนสิ คุณแม่พยายามจะกล่อมอยู่ โดยเฉพาะตอนนี้แหวนอยากมีลูกนะ แต่ไม่อยากแต่งงาน แต่หากมีเพื่อนชายแหวนจะพาเข้าบ้านทุกคน พ่อแม่ต้องเจอทุกคนแน่นอน แต่ปกติไม่ค่อยไปไหน ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน เพื่อนในวงการก็ไม่เยอะ เพราะทำแต่งาน ไม่มีเวลาจะเปิด คุณแม่ถึงขนาดแนะนำ ทุกคนดี ไม่ใช่ไม่ดีนะ และไม่ใช่สวยเลือกได้ บางครั้งก็เคยรู้สึกอยากออดอ้อนแฟนบ้างนะ นั่งๆ นึกไปก็หลับ ตื่นมาก็ลืมแล้ว แม่ถามว่าลูกๆ กะไม่แต่งงานจริงๆ เหรอ จนวันก่อนแม่มาประชดว่าแม่แต่งงานตอนอายุ 25 นะ บางทีคุณแม่ก็นัดลูกๆ เพื่อนแม่มานั่งทานข้าว แบบว่าให้ดูตัว จนเพื่อนๆ แซวก็มีค่ะ"
แล้วสเปกล่ะ?
"อะไรก็ตามที่ให้เกียรติเราหน่อย ขยัน มีความสามารถ จิตใจดี ถ้าไม่คลิก ก็ไม่เอา ยิ่งมาทำธุรกิจก็ไม่มีเวลาคิดเลย เลิกกับแฟนคนที่แล้วมา 3 ปี เจอแบบกุ๊กๆ กิ๊กๆ เลยมีบ้าง โดยเฉพาะตอนนี้จะปีนึงแล้ว ที่ไม่มีใครเลย จนแฟนเก่าบอกว่าเธอจะเป็นเลสฯ เหรอ ตอนนี้ไม่เจอใครจริงๆ ค่ะ ถ้าแหวนจะแต่งงาน ชีวิตนี้ตัวเองคงไม่ได้ไปรักไปหลงใครหรอกค่ะ แหวนเองเคยเห็น คาเมรอน ดิแอซ (นักแสดงฮอลลีวูด) เขาให้สัมภาษณ์ว่า คนชอบพูดว่าชีวิตชั้นไม่สมบูรณ์ เพราะไม่มีคู่แต่งงาน ไม่มีสามี แต่จริงๆ แล้วชั้นไม่อยากให้ใครมาทำลายชีวิตที่สมบูรณ์ของชั้นมากกว่า ฟังแล้วดูดีเนอะ ใครมาบอกชีวิตชั้นไม่สมบูรณ์ มันก็แล้วแต่คนนะ ตอนนี้ชีวิตแหวนก็สมบูรณ์ดี อาจมีเหงาบางวูบ แต่หลับไปตื่นมาก็ลืมค่ะ จนคุณแม่บอกปล่อยอย่างนี้ไปนานๆ เดี๋ยวจะชินชา จะวืดคู่จริงๆ ถ้าวันนึงจะมีใคร เราต้องมีความศรัทธาในตัวเขาประมาณนึง ไม่ต้องคาดหวังว่าเขาจะมาอยู่กับเราตลอดเวลา อยากให้อยู่แบบเพื่อน ปรับทุกข์ซึ่งกันและกันแค่นี้พอค่ะ แต่เคยมีหมอดูทักว่าแหวนจะแต่งตอนอายุ 26 นะ"
ในเมื่อชีวิตสมบูรณ์ขนาดนี้ เธอคงไม่อยากไปหาความสุขที่ไหน อีกแล้ว มีหวังหนุ่มๆ อกหักดังเป๊าะแน่นอน!!