ผู้นำคาซัคฯ ยุติสืบทอดอำนาจ หลีกทางคนรุ่นใหม่บริหารประเทศ หลังครองเก้าอี้ร่วม 30 ปี
สาธารณรัฐคาซัคสถาน เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ครอบคลุมกว้างขวางในทวีปเอเชีย เคยเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของอดีตประเทศสหภาพโซเวียต โดยได้เอกราชเมื่อปี พ.ศ. 2534 มีพรมแดนติดกับประเทศรัสเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศในเอเชียกลาง ได้แก่ คีร์กีซสถาน อุซเบกิสถาน และเติร์กเมนิสถาน และมีชายฝั่งบนทะเลแคสเปียน
คาซัคสถานเป็นประเทศที่มีพื้นที่ถึง 2.7 ล้านตารางกิโลเมตร ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของโลก แต่มีประชากรเพียง 18 ล้านเศษเท่านั้นเอง เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่กึ่งทะเลทรายมีเทือกเขาอัลไตอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ
คาซัคสถานเคยเป็น 1 ใน 15 รัฐของสหภาพโซเวียต เรียกว่า สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตคาซัค ภายหลังวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ได้ประกาศเอกราชเป็นรัฐสุดท้ายจากสหภาพโซเวียตและก่อตั้งประเทศคาซัคสถาน ซึ่งประธานาธิบดีคนแรกของคาซัคสถานคือ นายนูร์ซุลตัน นาซาร์บาเยฟ เลขาธิการของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งคาซัคสถาน สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตนั่นเอง
นายนูร์ซุลตัน นาซาร์บาเยฟ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี พ.ศ. 2534, 2542, 2548, 2554 และ 2558 พูดง่ายๆ ก็คือ นายนูร์ซุลตัน นาซาร์บาเยฟ อายุ 78 ปี เป็นประธานาธิบดีคนแรกและคนเดียวของประเทศคาซัคสถานมาตั้งแต่ก่อตั้งประเทศจนถึงปัจจุบันก็ร่วม 30 ปีเข้าไปแล้ว
ครับ! จู่ๆ นายนูร์ซุลตัน นาซาร์บาเยฟ ก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งโดยอ้างว่า อยากเปิดทางให้คนรุ่นใหม่เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา โดยแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจของคาซัคสถานว่า
“ข้าพเจ้าตัดสินใจยุติอำนาจของตัวเองในฐานะประธานาธิบดี ในปีนี้ครบ 30 ปีที่ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่งสูงสุดของประเทศ ประชาชนให้โอกาสข้าพเจ้าเป็นประธานาธิบดีคนแรกของคาซัคสถาน ข้าพเจ้าได้รับเกียรติยิ่งใหญ่รับใช้ประชาชนผู้ยิ่งใหญ่ของข้าพเจ้าและประเทศบ้านเกิดที่มอบความเชื่อใจแก่ข้าพเจ้าในการบริหารประเทศในช่วงเวลายากลำบาก ขอบพระคุณท่านอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าขอโค้งคำนับแก่ทุกคน”
นายนาซาร์บาเยฟ ได้กล่าวระหว่างการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์ว่า เขาต้องการช่วยเหลือผู้นำรุ่นใหม่ๆ ที่จะก้าวเข้ามาบริหารประเทศต่อไปในอนาคตโดยระบุว่า นายคาซิม-โจมาร์ต โตคาเยฟ ประธานวุฒิสภาของรัฐสภาคาซัคสถานคนปัจจุบันจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นประธานาธิบดีรักษาการต่อจนกว่าจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 และจัดการเลือกตั้งต่อไป
AFP
ในขณะที่นายนาซาร์บาเยฟก็ยังไม่ไปไหน แต่จะอยู่ช่วยตัดสินใจเรื่องนโยบายต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ หรือเรียกได้ว่ายังไม่ได้ล้างมือจากการเมืองโดยสิ้นเชิง แต่จะยังคงเป็นหัวหน้าพรรครัฐบาล รวมทั้งตำแหน่งประธานคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติซึ่งมีอิทธิพลสูงสุดและจะได้รับตำแหน่งผู้นำแห่งชาติอย่างเป็นทางการด้วย
อย่างไรก็ดี นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากที่ผู้นำของประเทศผู้มีอำนาจเต็มเกิดลาออกจากตำแหน่งซะเฉยๆ โดยไม่มีการบีบบังคับจากเงื่อนไขใดๆ เลย
หรือว่าจะตระหนักได้ว่า “ตัวเองแก่เสียแล้ว”