พ่อลูกอ่อนสุดทน รพ.ดังทำชุ่ย เสียบเข็มน้ำเกลือพลาด ทำมือเด็กใกล้เน่า
คุณพ่อสุดช้ำ มือลูกขวบเศษใกล้จะเน่า หลังพยาบาลพลาดเสียบเข็มน้ำเกลือผิด ทำให้ขังอยู่ใต้ผิวหนังเด็กแทน วิงวอนอยากให้เรื่องนี้เป็นข่าว หลังโรงพยาบาลยังนิ่งเฉย-ไม่รับผิดชอบ
(11 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลมีเดียกำลังให้ความสนใจประเด็นร้องเรียนที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของบุคลากรของโรงพยาบาล ทำให้เด็กคนหนึ่งมือเริ่มเปื่อยและใกล้จะเน่า แต่ทางโรงพยาบาลก็ยังให้รอ โดยไม่มีความคืบหน้าในการแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องแต่อย่างใด จึงอยากให้เรื่องนี้กลายเป็นข่าวดัง
ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Panya Mahasuk ได้โพสต์เรื่องดังกล่าวเมื่อคืนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น. โดยเล่าถึงการรอคอยคำยืนยันจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่ทำผิดพลาดในการรักษาลูกชายวัยขวบเศษ ทำให้น้ำเกลือเข้าไปอยู่ใต้ผิวหนังเด็กแทนที่จะเข้าเส้นเลือดแบบที่ควร อีกทั้งยังถามหาความรับผิดชอบในกรณีนี้ และเรียกร้องให้สื่อมวลชนช่วยนำเสนอสิ่งที่เกิดขึ้น
"ผมไม่ไหวแล้ว ผมกราบเพื่อนทุกคนช่วยแชร์เรื่องนี้ออกไปที ผ่านไปเป็นวันที่ 3 ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ผมก็ยังไม่ได้คำยืนยันที่แน่นอนจากหมอว่า จะรับผมชอบกับเหตุการณ์นี้ยังไง มีแต่ให้รอ ไม่รู้รออะไร รอเรื่องเงียบหรือ มือลูกของผมจะหายเปนปกติไหม ใครจะรับผิดชอบ เหตุเกิดเพราะความไม่ใส่ใจของพยาบาลเพียงคนเดียว
เมื่อคืนวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ลูกของผมอายุ 1 ปี 6 เดือน ยังพูดไม่ได้ เข้ารักษาอาการผื่นคัน หมอแทงสายน้ำเกลือให้ตอนประมาณตี 1 จากนั้นก็ไม่ได้มาสนใจเลยว่า สายน้ำเกลือนั้นอยู่ปกติดีหรือไม่ กระทั่งข้ามมาช่วงเช้า ลูกร้องไห้หนักมาก หมอจึงเพิ่งมาดู ปรากฎว่าน้ำเกลือไม่ได้เข้าเส้นเลือด แต่เข้าไปขังอยู่ใต้ผิวหนังบริเวณมือและแขนของลูกแทน
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้แขนลูกบวมจนขยับไม่ได้ จากนั้นหมอได้มาดูอาการ บอกว่าจะรับผิดชอบให้ แต่ก็เป็นการพูดเพียงปากเปล่า ต่อมาในวันที่ 9 เมษายน ผมขอพบผู้อำนวยการโรงพยาบาล แต่กลับได้พบใครก็ไม่รุ้ ยื่นกระดาษมาให้ 1 แผ่น บอกให้เขียนคำร้องขอเข้าพบผู้อำนวยการโรงพยาบาล จึงได้มีการขอชื่อและเบอร์ติดต่อไป และบอกว่าวันที่ 10 เมษายน จะมีคนติดต่อมา
แต่ขณะนี้ผมเฝ้ารอทั้งวันก็ไม่มีใครติดต่อมา ให้แฟนไปถามก็ได้คำตอบว่า ผอ.กำลังประชุมอยู่ ส่วนสภาพมือของลูกผมกลายเป็นหนักกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่มีใครออกมารับผิดชอบอะไร โรงพยาบาลจะรอให้มือของลูกผมเน่าก่อนหรือครับ? มันเกิดจากความผิดพลาดของบุคลากรในโรงพยาบาลโดยตรง
ตอนนี้ผมไม่รู้จะพึ่งพาใครแล้ว สภาพจิตใจผมกับครอบครัวย้ำแย่ลงไปเรื่อยๆ จึงอยากจะให้ประเด็นนี้กลายเป็นข่าวและนำเสนอไปในสื่อต่างๆ เพื่อต้องการเรียกร้องความรับผิดชอบในกรณีนี้ อยากให้ทางโรงพยาบาลออกมาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน"
ทั้งนี้ หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไปเพียงแค่ข้ามคืน ปรากฏว่ามีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก หลายเพจเฟซบุ๊กช่วยกันแชร์ส่งต่อประเด็นดังกล่าวออกเป็นวงกว้าง ทำให้มียอดแชร์ทะลุกว่า 2 แสนครั้งภายในเวลารวดเร็ว หลายความคิดเห็นรู้สึกเห็นใจและเป็นกำลังให้ครอบครัวเด็กน้อย พร้อมกับขอให้หายดีจากอาการที่เป็นอยู่นี้