ฉาวโฉ่ข้ามทวีป! หนุ่มอังกฤษแฉถูกยัดข้อหาที่ไทย ตำรวจโร่แจงเป็นหนังคนละม้วน
ตำรวจเชียงใหม่ออกโรงชี้แจงเหมือนหนังคนละม้วน หลังหนุ่มอังกฤษกลับบ้านไปแฉสื่อดัง เดลีเมล์ อ้างโดนจับยัดข้อหาลักทรัพย์ในไทย ต้องติดคุกเป็นเดือน ซ้ำยังโดนตัดผมเกรียน
จากกรณีที่ นายคริส อายุ 29 ปี นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ได้เปิดใจกับสื่อชื่อดัง เดลี่เมล์ ระบุว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยจับขังเข้าคุก พร้อมกับโกนผมออกทั้งศีรษะ จากทรงผมเดทร็อค กลายเป็นคนหัวโล้น เพียงเพราะเจ้าตัวก้มเก็บโทรศัพท์มือถือที่หล่นบนพื้นถนนได้ และตั้งใจจะนำส่งคืนให้เจ้าของ แต่อ้างว่าโดนยัดเยียดข้อหาลักทรัพย์เสียก่อน ทำให้ต้องถูกกุมขังและถูกปล่อยตัวออกมา เพิ่งได้กลับบ้านเกิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
กระแสข่าวดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวอังกฤษเป็นอย่างมาก และกำลังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของเมืองเชียงใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่า การจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 เวลาประมาณ 20.40 น.
เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวหญิงชาวเยอรมันว่าได้ทำโทรศัพท์มือถือสูญหายไป จึงทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด กระทั่งพบว่ามีชายชาวต่างชาติ ได้หยิบเอาโทรศัพท์มือถือที่ตกพื้นในอาคารผู้โดยสารไป ก่อนจะขึ้นรถตู้โดยสารออกไปจากสนามบิน
กระทั่งต่อมาสามารถติดตามและพบตัวนักท่องเที่ยวชายที่เก็บโทรศัพท์มือถือดังกล่าว อยู่ที่เกสต์เฮาส์แห่งหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ ทราบชื่อคือ นายคริสโตเฟอร์ อายุ 29 ปี เป็นชาวอังกฤษ โดยยอมรับว่าหยิบโทรศัพท์มือถือดังกล่าวไปจริง และทำการลบข้อมูลออกไปบางส่วนออกไป พร้อมเปลี่ยนแปลงรหัสผ่านและเปลี่ยนภาษาในเครื่องด้วย ทางเจ้าหน้าที่จึงทำการควบคุมตัว แล้วส่งดำเนินคดีที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์
ขณะที่ พันตำรวจเอกรณชัย รอดลอย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวขอยืนยันว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกภาคส่วน ทั้งตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจสถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกระบวนการขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง และเป็นไปตามพยานหลักฐาน
ซึ่งภายหลังจากที่ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ภายในท่าอากาศยานเชียงใหม่ ก่อนจะพบเห็น นายคริสโตเฟอร์ ได้หยิบเอาโทรศัพท์มือถือดังกล่าวไป จึงได้ติดตามไปหาถึงที่พัก และทำการตรวจสอบ อย่างละเอียด
ทางฝ่ายผู้ก่อเหตุก็ได้ยอมรับว่า ทำการลบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือออกไปบางส่วน และมีการเปลี่ยนรหัสผ่านเข้าเครื่อง และภาษาที่ใช้ในเครื่องด้วย ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวได้ขัดแย้งกับสิ่งที่นายคริสได้บอกกับสื่อบ้านเกิดของตัวเอง โดยอ้างว่าตั้งใจจะนำโทรศัพท์ไปส่งคืนให้เจ้าของให้ แต่กลับนำกลับที่พักและวิสาสะเปลี่ยนข้อมูล ทั้งที่ไม่ใช่โทรศัพท์ของตัวเอง จึงต้องควบคุมตัวและส่งดำเนินคดีตามกฎหมายของไทย
ส่วนกรณีที่มีการโกนศีรษะของนายคริสนั้น เพราะเป็นไปตามขั้นตอนระหว่างที่ศาลฝากขังที่เรือนจำนั่นเอง