เปิดชีวิตแสนรันทด "อดีตทหารเกณฑ์" เดินเท้าข้ามภาคกลับบ้านตัวเอง

ชีวิตสุดแสนรันทดของ อดีตทหารเกณฑ์ ตกงาน จำใจเดินทางจากโคราช กลับบ้านนครพนม ล่าสุดภาครัฐยื่นมือช่วยเหลือ อดีตสุดลำเข็ญ พ่อแม่ตาย-เมียทิ้ง ฝันเป็นทหาร แต่วุฒิการศึกษาก็ไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายทหารยศนายพัน ทราบชื่อคือ พ.อ.ปริชญ์ สุคันธศรี รอง ผอ.กอรมน.หนองบัวลำภู มีการเผยแพร่ข้อมูล เพื่อช่วยเหลือ นายศักดิ์นรินทร์ จูมจันทา อายุ 26 ปี หนุ่มจาก อ.บ้านแพง จ.นครพนม ที่ตกงานไม่มีค่ารถกลับบ้าน ทำให้เดินเท้ากลับบ้านจาก จ.นครราชสีมา

แต่หลังจากออกเดินเท้าไปประมาณ 30 กิโลเมตร จึงได้พบกับ นายทหารใจบุญให้การช่วยเหลือ ซื้อข้าวให้กินและชวนติดรถพามาถึง จ.ขอนแก่น พร้อมกับช่วยเหลือเงิน 1,000 บาท ให้เป็นค่ารถเดินทางกลับบ้าน อ.บ้านแพง จ.นครพนม และมีการนำข้อมูลเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียล กลายเป็นกระแสข่าวดังทางสังคม และมีผู้ใจบุญเข้ามาติดตามและประสานงานช่วยเหลือ

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางมาตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของนายศักดิ์นรินทร์ อดีตทหารเกณฑ์ หลังเดินทางกลับมาถึงบ้าน และมาอาศัยอยู่กับเพื่อนในกระท่อมนาด้านท้ายหมู่บ้าน ซึ่งทำเป็นเพิงพักจากสังกะสีเก่าๆ พอได้อาศัยนอน หลบแดดฝน ใช้ชีวิตสู้ดิ้นรนหางานทำ เนื่องจากครอบครัวของเขานั้น พ่อแม่เสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเด็ก

นายศักดิ์นรินทร์ มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน ตัวเองเป็นลูกคนที่ 2 ส่วนพี่สาวคนโตได้ดิ้นรนอกไปทำงานต่างจังหวัด และน้องชายคนสุดท้องก็ได้ป่วยเสียชีวิตไปตั้งแต่อายุ 3 ขวบแล้ว ทำให้ดิ้นรนต่อสู้ตามสภาพ เพราะครอบครัวยากจน พ่อของนายศักดิ์นรินทร์ เสียชีวิตไปตอนอายุ 10 ขวบ ก่อนที่ผู้เป็นแม่จะมาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตามไปอีกคน ทำให้ขาดเสาหลักของครอบครัว ต้องดิ้นรนต่อสู้เอาชีวิตรอดมาตลอด ไม่มีทรัพย์สินใดๆ หรือแม้แต่ที่พักอาศัย ต้องออกทำงานรับจ้างประทังชีวิต

จนกระทั่งในปี 2556 นายศักดิ์นรินทร์ ได้เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกิน ก่อนจะจับได้ใบแดง เข้าประจำการที่ ร 3 พัน 3 นครพนม เป็นเวลา 1 ปี ก่อนจะถูกส่งไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ จ.ยะลา เป็นเวลา 1 ปี ก่อนปลดประจำการออกมาในปี 2558

ที่ผ่านมา นายศักดิ์นรินทร์ ก็ยังหาทางดิ้นรนทำงานรับจ้างไปทั่ว แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง อีกทั้งภรรยาที่พยายามประคับประคองกันมาอยู่ 2 ปี สุดท้ายก็ตัดสินใจแยกทางกัน เพราะปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ หลังจากนั้นเขาจึงดิ้นรนต่อสู้เข้าหางานทำในกรุงเทพฯ ทำงานรับจ้างทั่วไป แต่รายได้ไม่เพียงพอ จึงตัดสินใจหาทางกลับบ้าน

ล่าสุด นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.นครพนม ได้มอบหมายให้ นายอภิชาติ วงษ์กาฬสินธุ์ จัดหางานจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางอภิญญา ชมภูมาศ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายชิงชัย อภัยโส กำนันตำบลบ้านแพง และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานเกี่ยวข้อง เข้าไปดูแลช่วยเหลือพัฒนาคุณภาพชีวิต พร้อมมอบเงินดูแล ช่วยเหลือเบื้องต้น รวมถึงการดูแลจัดหาตำแหน่งงานให้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า จะได้มีงานทำแน่นอน

นายศักดิ์นรินทร์ เปิดเผยถึงที่มาก่อนที่จะตกเป็นข่าวดังว่า ตนเคยทำงานก่อสร้าง เป็นรับจ้างผู้รับเหมา ติดตั้งเสาโทรศัพท์มือถือที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา แต่ภายหลัง งานไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ทำให้รายได้ไม่เพียงพอ รับจ้างได้เงินรายวัน จึงตัดสินใจที่จะกลับบ้าน นายจ้างได้ให้เงินตามค่าแรงที่เหลือ ประมาณ 500 บาท และใช้จ่ายทั่วไป เหลือเงินแค่ 110 บาท จึงตัดสินใจกลับบ้าน อ.บ้านแพง จ.นครพนม เพราะอยากกลับมาหาเพื่อน อยากมีงานทำอยู่ใกล้บ้าน

แต่ก็เจอปัญหาค่ารถไม่เพียงพอ มีเหลือเงินติดตัวแค่ 110 บาท แต่ค่ารถประมาณ 350 บาท จึงตัดสินใจเดินเท้ากลับบ้าน แบบค่ำไหนนอนนั่น เมื่อออกเดินทางมาได้ 30 กิโลเมตร ก็ทหารนายพันใจบุญมาจอด แนะนำว่าเป็นทหาร และสอบถามว่าจะไปไหน จึงเล่าให้ฟังและขอความช่วยเหลือ ท่านจึงให้ติดรถมาส่งที่ บขส.จ.ขอนแก่น อีกทั้งยังดูแลเป็นอย่างดี พร้อมกับให้เงินช่วยซื้อตั๋วค่ารถ ทำให้ตนเดินทางกลับถึงบ้าน เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา และมารู้ทีหลังว่า เรื่องราวของตนกลายเป็นข่าวในหน้าสังคม และมีคนติดตามหา เพื่อช่วยเหลือ

นายศักดินรินทร์ ยังกล่าวอีกว่า ตนยอมรับในความมีน้ำใจของผู้พัน นายทหารใจบุญ ไม่มีอะไรตอบแทนได้ รวมทั้งผู้ใจบุญ ทุกคนและทุกหน่วยงานที่เข้ามาติดต่อสอบถาม รวมทั้งเสนอตำแหน่งงานให้ ตนขอบพระคุณทุกท่านผู้ใจบุญที่ติดต่อช่วยเหลือ แต่ตนไม่หวังอะไรมาก ขอเพียงมีงานทำ มีรายได้ประทังชีวิต

ในเวลานี้ตนอยากเป็นช่างเชื่อม หรือหากมีโอกาสอีกครั้ง ก็อยากจะเป็นทหาร เพราะชอบและรักอาชีพทหาร เคยไปรับการฝึกช่วงเป็นทหารเกณฑ์ แต่มีปัญหาเรื่องวุฒิการศึกษา แต่ขอเพียงได้มีงานทำถือว่าเป็นบุญแล้ว สิ่งเดียวที่จะตอบแทนได้ รับปากจะเป็นคนดีของสังคม ทำความดี และไม่สร้างปัญหาให้สังคม