รวบแล้ว! 3 โจรตัวฉกาจลัก จยย.ทั่วนนท์-ปทุมฯ 100 คัน-ก่อเหตุคันละไม่ถึง 10 วินาที

จับ 3 หนุ่มแก๊งตระเวนลักรถ จยย. ฝีมือสุดฉกาจ ก่อเหตุคันละไม่ถึง 10 วินาที สารภาพนำไปขายประเทศเพื่อนบ้าน และทำมาแล้วกว่า 100 คัน เผยประวัติสมาชิกในแก๊งเคยต้องโทษคดียาเสพติด-ลักทรัพย์

(24 เม.ย. 62)  พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงค์ รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ เที่ยงกมล ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์

โดยได้ร่วมกันจับกุมตัว นายเอกชัย หรือไมค์ (เสื้อยืดสีขาว) อายุ 20 ปี ภูมิลำเนา ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี, นายต่อ (เสื้อยืดสีดำ) อายุ 36 ปี ภูมิลำเนา ต.บางเดื่อ อ.เมือง จ.ปทุมธานี และ นายนิวัติ หรือหนุ่ย (เสื้อยืดสีแดง) อายุ 40 ปี ภูมิลำเนา ต.บางกระดี่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี

พร้อมของกลาง 1.หมวกนิรภัย, 2.ประแจหัวบล็อกตัว Y จำนวน 2 อัน, 3.ประแจหัวบล็อกตัว T 4, 4.เหล็กหกเหลี่ยมปลายแหลม จำนวน 2 อัน, 5.แท่งเหล็กสี่เหลี่ยม จำนวน 3 อัน, 6.แท่งแม่เหล็กขนาดเล็ก จำนวน 19 อัน, 7.แผ่นป้ายทะเบียน รถ จยย.จำนวน 2 แผ่น และยึดรถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีออส สีน้ำตาล ทะเบียน จ.ปทุมธานี ไว้ตรวจสอบ

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์” ตามหมายศาลจังหวัดนนทบุรี เลขที่ 137/2562 ลงวันที่ 23 เม.ย.62

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 เม.ย.62 เวลา 21.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งความจาก นายประสิทธิ์ อายุ 23 ปี ว่า ถูกคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่นอาร์ 15 สีดำ ทะเบียน จ.มหาสารคาม จากลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านถนนรัตนาธิเบศร์ โดยจอดไว้ตั้งแต่เวลา 09.35 น. จากนั้นเข้าไปทำงานในห้างฯ จนกระทั่งทราบว่ารถหายเวลา 21.20 น.

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่า คนร้ายจะขับหลบหนี จนพบรถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีออส สีทอง ทะเบียน จ.ปทุมธานี ขับมาส่งผู้ก่อเหตุ

ตรวจสอบพบ นายต่อ เป็นผู้ครอบครอง จึงได้ติดตามตัว นายต่อ มาซักถาม จนยอมรับว่า บุคคลในวันเกิดเหตุเป็นตนเองจริง และได้ร่วมกับ นายหนุ่ย และ นายไมค์ ในการก่อเหตุ

ตรวจสอบประวัติทราบว่า นายไมค์ ชื่อ นายเอกชัย  และ นายหนุ่ย คือ นายนิวัต เจ้าหน้าที่สืบสวนจึงได้ติดตามจับกุมตัวทั้ง 2 คน พร้อมของกลางดังกล่าว

ทั้งนี้ ภาพจากกล้องวงจรปิดของห้างฯ สามารถบันทึกภาพคนร้ายได้เมื่อเวลา 21.03 น. วันที่ 19 เม.ย. 62 ขับรถยนต์ โตโยต้า วีออส มาจอดภายในซอยดังกล่าว ใกล้เคียงลานจอดรถห้างดัง

จากนั้น นายไมค์(เสื้อแดงในภาพ) นายหนุ่ย(เสื้อน้ำเงินในภาพ) ได้ลงจากรถ โดย นายไมค์ เดินอ้อมไปด้านหลังรถ นายหนุ่ยเดินมาตามถนนเพื่อดูลาดเลา

และกล้องวงจรปิดตัวที่ 2 จับภาพ นายหนุ่ย เดินมาตามทางทำทีเป็นคุยโทรศัพท์ และเดินไปตามทางฝั่งตรงข้ามลานจอดรถจยย.ของห้าง จากนั้น นายไมค์ ได้เดินตามไป และมีการพูดคุยกันก่อนที่ นายไมค์ จะเดินย้อนกลับมาและหายไปจากรัศมีกล้องวงจรปิด

จากการสอบถาม นายเอกชัย หรือ ไมค์  อายุ 20 ปี คนลงมือลัก รถ จยย. (เสื้อยืดสีขาว ) ทราบว่า นายต่อ เป็นคนขับรถ นายนิวัต จะเป็นคนดูต้นทาง ส่วนตนจะเป็นคนลงมือเข้าไปลัก รถ จยย. โดยใช้อุปกรณ์ที่เตรียมมา โดยตนจะเลือกลัก เฉพาะรุ่น R15 และ M-SLAZ เท่านั้น

โดยก่อนหน้านี้ ตนเคยถูกจับคดีลักทรัพย์ คดีครอบครองอาวุธปืน และครอบครองกัญชา ถูกจับเข้าสถานแรกรับหลายแห่ง ก่อนจะมาถูกจับที่นี่ ซึ่งตนจะลัก รถ จยย.ได้วันละประมาณ 2 คัน ทำเกือบทุกวัน ใช้เวลาก่อเหตุไม่ถึง 5 วินาที นำไปขายประเทศเพื่อนบ้านได้คันละ 20,000 บาท ถ้ารถคันไหนล็อกดิสเบรก ล็อคล้อจะไม่เอา โดยก่อเหตุลักมาเกือบ 100 คัน

พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงค์ รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี กล่าวว่า ผู้ต้องหารับสารภาพว่า เคยก่อเหตุในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี และ กทม. การก่อเหตุใช้เวลาไม่เกิน 5 วินาที สถานที่ไม่เลือกแล้วแต่เวลาและโอกาส

โดยนำรถที่ขโมยไปขายได้คันละ 15,000-20,000 บาท ซึ่งจะเลือกรถที่ไม่ล็อกดิสเบรก หรือไม่ล็อกล้อ และรถที่ไม่มีรีโมท และจะเลือกรถตลาดนำไปขายเพื่อนบ้าน จึงฝากเตือนประชาชนที่ใช้ รถ จยย.ควรหาเครื่องป้องกันเพิ่มเติม เพราะคนร้ายใช้การตระเวนหาไม่เลือกสถานที่ และใช้เวลาไม่นานในการก่อเหตุ

เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ตรวจสอบประวัติ ลัก รถจยย.ในพื้นที่ สน.สายไหม สภ.เมืองปทุมธานี  สภ.ประตูน้ำจุฬา สภ.คลองห้า สภ.ปากคลองรังสิต สภ.เมืองนนทบุรี สภ.ปากเกร็ด สภ.บางบัวทอง สภ.ชัยพฤกษ์ และ สภ.รัตนาธิเบศร์

จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ บริเวณซอยรัตนาธิเบศร์ 28 ด้านข้างห้างสรรพสินค้า ย่านรัตนาธิเบศร์ อ.เมือง จ.นนทบุรี จากนั้นได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป