ตำรวจไทยตะลึง! สกัดจับกระบะซิ่งหนี-ขนแรงงานเมียนมา 32 คนอัดเป็นปลากระป๋อง
ตำรวจไล่ล่า กระบะขนชาวเมียนมา หวังไปค้าแรงงานที่มาเลเซีย ซิ่งหนีกว่าชั่วโมง ตะลึง! อัดกันเป็นปลากระป๋องถึง 32 คน แถมเทคนิคคลายร้อนทำเป็นห้องแอร์เคลื่อนที่ ด้วยการวางก้อนน้ำแข็งรองพื้นเต็มท้ายกระบะสร้างความเย็น
(25 เม.ย. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.มานิต ขำมณี รอง สวป.สภ.คลองวาฬ ขณะขับรถยนต์ออกตรวจพื้นที่ใน ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ บริเวณถนนเพชรเกษม ใกล้ทางเข้าด่านสิงขร
โดยสังเกตเห็นรถยนต์ลักษณะต้องสงสัย เป็นรถยนต์กระบะสีขาว ยี่ห้อ อีซูซุ ตอนเดียว ทะเบียน จ.ชุมพร ด้านหลังกระบะติดตั้งลูกกรงเหล็กเป็นคอก สูงประมาณ 2 เมตร แต่มีผ้าพลาสติกสีฟ้าขาวคลุมปิดไว้
ซึ่งเมื่อคนขับรถคันดังกล่าวเห็นรถยนต์ของตำรวจได้เร่งความเร็วและวิ่งหนีเลี้ยวเข้าถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าฝั่งขาขึ้นกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่เกรงว่าจะมีสิ่งผิดกฎหมาย จึงได้วิทยุขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยกันสกัดเพื่อตรวจสอบ
แต่ปรากฎว่า รถคันดังกล่าวใช้ความเร็วสูง คาดว่า ประมาณ 130-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พ้นพื้นที่เขตรับผิดชอบ สภ.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ไปอย่างรวดเร็ว
โดย พ.ต.อ.นันทชัย เบ็ญจขันธ์ ผกก.สภ.คลองวาฬ จึงประสานความร่วมมือกับตำรวจใน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ และ สภ.กุยบุรี ตั้งจุดสกัด พบว่า รถคันดังกล่าววิ่งไปจนใกล้ถึงเขต อ.กุยบุรี ห่างจากจุดที่พบครั้งแรกประมาณ 40 กิโลเมตร
ก่อนจะวกรถย้อนกลับมายัง อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ แล้ววิ่งเข้าตัวเมืองผ่านถนนเลียบชายทะเล รถวิ่งวนไปมา นานกว่า 1 ชั่วโมง สุดท้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ สามารถสกัดหยุดรถไว้ได้ในที่สุดและควบคุมส่ง สภ.คลองวาฬ เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด
เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้น พบว่าคนขับที่ซิ่งหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจนานกว่า 1 ชั่วโมง คือ นายคงฤทธิ์ อายุ 31 ปี ภูมิลำเนา ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร เมื่อเปิดที่ห้องเครื่องยนต์ พบว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ดัดแปลงและปรับแต่งเครื่องใหม่ให้มีความเร็วมากกว่าปกติ
จากนั้นได้ทำการตรวจค้นภายในรถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งเมื่อเปิดผ้าพลาสติกคลุมกระบะออก ก็ต้องตกใจ เมื่อพบกลุ่มคนสัญชาติเมียนมาจำนวนมาก ยืนแออัดเบียดกันแน่นอยู่ท้ายกระบะ หน้าตาตื่นตระหนก และอิดโรย แต่ละคนเหงื่อไหลไคลย้อยและมีกลิ่นตัวเหม็นรุนแรง
ตรวจนับพบว่าแบ่งเป็นชาย 20 คน หญิง 12 คน รวมจำนวน 32 คน อายุระหว่าง 20-32 ปี ทั้งหมดเป็นชาวเมียนมา จึงเรียกให้ทยอยลงจากรถยนต์กระบะคันดังกล่าว โดยพบว่าแต่ละคนมีกระเป๋าเสื้อผ้าขนาดไม่ใหญ่ติดตัวมาคนละใบเท่านั้น
และเมื่อตรวจสอบที่บริเวณพื้นกระบะ ยังพบว่ามีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่วางเต็มพื้นกระบะ โดยใช้แผ่นยางปิดทับไว้ 1 ชั้น สอบถามทราบว่า เพื่อช่วยระบายความร้อนจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ให้ความเย็นกระจายขึ้นมา ช่วยบรรเทาความร้อนให้กับกลุ่มคนที่ต้องบรรทุกมาเต็มด้านท้ายคล้ายกับห้องแอร์เคลื่อนที่
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองวาฬ ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประจวบคีรีขันธ์ ตชด.146 หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ ฝ่ายมั่นคงอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ร่วมตรวจสอบ
ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าว เป็นชาวเมียนมาที่เดินทางมาจากเมืองเมาะละแหม่ง หรือ “เมาะลำไย” ฝั่งตรงข้าม จังหวัดกาญจนบุรี โดยเดินทางมายังบ้านมูด่อง เมืองมะริด เขตตะนาวศรี สหภาพเมียนมา ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งใช้เวลาเดินทางนานกว่า 2 วัน
จากนั้นกลุ่มบุคคลทั้งหมดได้เดินเท้าลัดเลาะตามแนวชายแดนช่องทางธรรมชาติข้ามฝั่งมายัง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประเทศไทย เพื่อหวังมาค้าแรงงานที่ประเทศมาเลเซีย โดยมาพบกับนายหน้า
เบื้องต้น แรงงานให้ข้อมูลว่าเสียค่าใช้จ่ายคนละ 750,000 จ๊าด หรือประมาณ 16,500 บาท เพื่อให้ช่วยนำพาไปยังประเทศมาเลเซีย แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยสังเกตเห็นและตรวจจับเสียหายก่อน
โดยระหว่างที่ นายคงฤทธิ์ ซิ่งรถหลบหนีการจับกุม โชคดีที่รถยนต์ไม่ประสบอุบัติเหตุเสียก่อน เนื่องจากขับหนีด้วยความเร็วสูง