“มะตูม” เปิดใจเสียความรู้สึกกับ "ปู ไปรยา" คิดว่าจากนี้คงมองหน้ากันไม่ติดแล้ว

“มะตูม” เปิดใจเสียความรู้สึกกับ "ปู ไปรยา" คิดว่าจากนี้คงมองหน้ากันไม่ติดแล้ว

“มะตูม” เปิดใจเสียความรู้สึกกับ "ปู ไปรยา" คิดว่าจากนี้คงมองหน้ากันไม่ติดแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ออกมาพูดครั้งแรก หลังถูกดราม่าจากโลกโซเชียลถล่มมาอยู่หลายวัน สำหรับปมที่นางเอกสาว ปู ไปรยา ขอถอนตัวออกจากการทำธุรกิจอาหารเสริมกับดีเจ มะตูม-เตชินท์ พลอยเพชร ซึ่งก็ยังมีหลายคนที่คาใจว่าสุดท้ายแล้วเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเช่นไรกันแน่ เนื่องจากทางด้านเพื่อนสนิทหนึ่งในหุ้นส่วน ต้นหอม ศกุนตลา ได้ให้สัมภาษณ์ถึง ปู ไปรยา ไว้เช่นกัน

ล่าสุด ดีเจมะตูม ได้ถือโอกาสขอแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนในมุมมองของตนเอง โดยเจ้าตัวได้เผยให้ฟังว่า...

เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ?

"คือจริงๆ พี่ต้นหอมสัมภาษณ์ไปบางส่วนแล้ว ตูมเห็นแล้ว แล้วตูมก็ฟังแล้ว จริงๆ สิ่งที่พี่หอมสัมภาษณ์ไปถูกต้องทุกอย่าง เกิดขึ้นตามนั้นเลยครับ มีแค่อย่างเดียว ที่พี่หอมพูดอาจจะผิดพลาด ด้วยการสื่อสารของตูม เพราะตูมอยู่ต่างประเทศ ก็คือเรื่องไลน์แชท ที่เหมือนมีการว่าตูมไปคุยกับคุณปู แล้วไปบอกเขาว่าคุณเอาดีเข้าตัว จริงๆ ตูมไม่ได้พิมพ์ประโยคนั้นไป ตูมแค่บอกเขาไปว่า คุณพูดในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ เพราะฉะนั้นเราคงไม่มีอะไรต้องคุยแล้วแหละ แล้วคุณปูเขาก็ไลน์มาขอโทษยาวมาก เป็นหน้ากระดาษเลยครับ อันนี้คือความจริงที่เกิดขึ้น ว่ามันไม่ตรงกับพี่หอมพูดเท่านั้นแหละ แต่ที่พี่หอมพูดไม่มีอะไรที่ผิดจากสิ่งที่ตูมคิด และสิ่งที่เกิดครับ"

สรุป ปู ไปรยา เป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือเป็นบอสของผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ?

"ในบริษัทของตูมนะครับ ตูมมีสินค้าหลายตัวมาก ขอเกริ่นเลยตั้งแต่ LB ตัวแรก คือดีเจต้นหอม แล้วจากนั้นต่อมา 18 (เอธธีน) เป็น แต้ว ต่อมาก็เป็น ไปรยา บาย LB คุณปู ไปรยา ตัวล่าสุดคือตัว ไฮร่าบลู กุ๊บกิ๊บ เพราะฉะนั้น คำว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ไหม ในเชิงของการพูดออกสื่อ เขาเป็นบอสและพรีเซ็นเตอร์ คือคำว่าพรีเซ็นเตอร์หมายความว่า คุณต้องพรีเซนต์สินค้า ในมุมของบริษัท มีตูม มีพี่หอม มีคุณกอล์ฟเป็นหลัก 3 คน แต่สินค้าแต่ละตัว ทุกๆ คนเป็นพรีเซ็นเตอร์ของตัวเอง แต่ได้รับผลประโยชน์มากกว่าพรีเซ็นเตอร์ นั่นคือการเป็นบอส ซึ่งระบุในสัญญาชัดเจน ว่าเป็นมากกว่าพรีเซ็นเตอร์คือเป็นบอสครับ"

แต่ในมุมของปู เหมือนเขาเข้าใจว่าเขามีอำนาจที่จะดูบัญชีรายรับรายจ่ายจากการขายสินค้าได้ด้วย ?

"ขอพูดในวันแรกที่ดีลงานกับเขาเลยแล้วกัน เพราะจริงๆ แล้ว ปู ไปรยา ตูมเป็นคนดีล จริงๆ ทุกคนตูมเป็นคนดีล ขอโทษที่ต้องพาดพิงนะครับ ทั้งตัวของแต้ว ของคนอื่นๆ ตอนนั้นแบรนด์ LB อยากจะรีแบรนด์ พี่หอมเป็นพรีเซ็นเตอร์แล้ว แต่เราอยากจะทำอะไรที่มันใหญ่กว่าเดิม ซึ่งเรารู้สึกว่าถ้าได้ร่วมงานกับคนที่อยู่ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ก็คงจะดี ตูมก็เลยติดต่อคุณปูไป ซึ่งเขาก็อยากจะร่วมงานกับทางตูมกับพี่หอม"

"ซึ่งเราถามปูว่า ใจพี่หอมอยากได้เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์เพราะเขามีความรู้สึกว่าตัวเขาเป็นบอสไปแล้วของตัว LB จะมาเป็นซ้ำทำไม แต่ตูมบอกว่าพี่หอม ถ้าได้ปูเป็นบอสด้วยก็ดี มันก็เหมือนเป็นการที่แบบว่าเราปรับส่วนแบ่งให้ไป ผลประโยชน์เท่ากัน จะได้ทำงานหนักเท่าๆ กัน เพราะอยากให้พี่หอมวางมือจากตรงนี้ แล้วไปบริหารหลังบ้านอย่างเต็มที่ครับ ก็เลยมีการยื่นข้อเสนอกับทางคุณปูไปว่า ยูจะเป็นบอส หรือเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งตอนนั้นคุณปู ต้องบอกว่าย้อนไปดูได้ มันมีคลิป คุณปูเคยออกมาบอกว่าเขามีพรีเซ็นเตอร์เยอะมาก ปู ไปรยา เป็นคนที่มีพรีเซ็นเตอร์เยอะจริงๆ ครับ หัวจรดเท้าเขาติดหมดแล้ว เราก็เลยมีความรู้สึกว่า คุณติดอะไรตรงนี้ไหม เขาก็บอกว่าโอเค เดี๋ยวเขาจะมาทำธุรกิจกับเราดู แต่ทำเป็นบอสเลยนะ ร่วมกับเรา เพราะฉะนั้นตูมก็เลยเข้าใจมาตลอดว่าปูเขาเลือกที่จะเป็นบอส ก็เลยงงกับบทสัมภาษณ์ของเขาเฉยๆ แล้วในตามสัญญาเนี่ย ก็ระบุว่าเป็นบอส คือทุกอย่างหารเท่ากัน รับผิดชอบร่วมกันครับ"

ซึ่งปูรับทราบสัญญา ?

"ใช่ครับ จริงๆ เราส่งสัญญาไป คือเรื่องสัญญาตูมไม่สามารถพูดได้ ว่ามันระบุอะไรไว้บ้าง เพราะมันอยู่ในข้อของกฎหมายไปแล้ว แต่ปู ไปรยา เป็นคนที่ทำงานเก่ง เป็นคนที่ค่อนข้างที่จะเคร่งครัดในเรื่องของระบบสัญญาของตัวเอง เขารับพรีเซ็นเตอร์ เขาอยู่ในวงการมากี่ปี เขามีพรีเซ็นเตอร์กี่ตัวก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นเขาดูสัญญาทุกตัวอยู่แล้วครับ เพราะฉะนั้นตัวนี้เขาก็ดูครับ"

ทางปูเขาติดใจในเรื่องรายละเอียด เรื่องยอดขาย ?

"เรื่องรายละเอียดตูมขอพูดสั้นๆ ขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้ฟังทนายเขา เพราะเพิ่งลงจากเวทีมาเลย เรื่องรายละเอียดและข้อสงสัย เรื่องความไม่โปร่งใสในตัวบริษัท เรื่องตัวเลขเรื่องบัญชี ให้ติดต่อฝ่ายบัญชี ฝ่ายทนายของบริษัท พร้อมให้ทุกคนตรวจสอบ และพร้อมที่จะชี้แจงกับทุกอย่าง ทุกข้อกฎหมายเพราะเราไม่มีทางที่จะมาตุกติกหรือโกงหรืออะไรอยู่แล้ว อันนี้คือในมุมของตูมนะ แต่เรื่องข้อพิพาทของกฎหมาย เราพูดอะไรได้ไม่มาก เพราะตูมไม่ใช่ศาล"

ปูได้มีการยื่นโนติสขอตรวจสอบไหม ?

"ตามที่พี่หอมบอกเลยว่าทางฝั่งเราเป็นคนยื่นก่อนครับ เขาบอกว่าเขายื่นมา แต่ว่าตอนนี้ทางบริษัทตูมยังไม่ได้รับหมายศาล หรือได้รับการแจ้งฟ้องร้องอะไรเลย ส่วนที่เขาบอกว่าเขาเคยยื่นชี้แจงมา อันนี้อาจเป็นไปได้ แต่ตูมไม่รู้นะ ที่บอกไม่รู้ตอนนี้ เพราะยังไม่ได้เห็นตัวเอกสาร สิ่งที่ตูมรู้คือฝั่งเราได้ยื่นโนติสไปตั้งแต่ปีที่แล้ว คือการปลด"

เขาบอกว่าเขาขอยกเลิกสัญญา ไม่ได้โดนปลด ?

"พูดจริงๆ นะ ตูมประดิษฐ์คำพูดแบบเป็นทางการไม่เป็น ขอพูดแบบเป็นธรรมชาตินะ ไม่มีใครพูดให้ตัวเองดูแย่ เขาเชื่อมั่นในหลักฐานของเขา ฝั่งบริษัทมะตูมก็เชื่อมั่นในหลักฐานของบริษัทเรา เพราะฉะนั้นทุกๆ คนต้องการที่จะงัดหลักฐานมา เพื่อต้องการสู้เพื่อให้ตัวเองถูกต้อง การที่เกิดความขัดแย้งกันระหว่างตัวของเขากับตัวของเรา มันเกิดขึ้นแล้ว มันไม่สามารถให้ใครมาตัดสินได้ พวกพี่ๆ นักข่าว หรือประชาชนในประเทศไทยไม่ได้ตัดสินแทนได้ เพราะพวกคุณไม่ได้มีหลักฐาน พวกคุณแค่ฟังจากเขา และก็มาฟังจากตูม เพราะฉะนั้นถ้ามันขัดแย้งถึงจุดนี้ ศาลตัดสินเลย รอให้ศาลพิพากษา และให้ศาลตัดสินเลยว่าใครถูกใครผิดกันแน่"

จุดเริ่มต้นของการมีปัญหากันที่เรายื่นโนติสไป ?

"เหมือนที่พี่หอมพูดเช่นเดียวกัน ว่ามันเหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้ายในเรื่องของระบบการทำงานที่อาจจะไม่เป็นไปตามที่เราต้องการ ในเรื่องของการทำงาน ที่ว่าทำงานเท่านี้ แต่ทำไมได้รับผลประโยชน์เท่านี้ อย่างที่พี่หอมพูดเลย"

IG: prayalundbergปู ไปรยา

แต่การทำงานของเขาได้มีการระบุในสัญญาใช่ไหม ?

"ทุกอย่างต้องระบุชัดเจนอยู่แล้ว"

แต่เขาไม่ได้ทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ใช่ไหม ?

"ตูมพูดเป็นกลางนะ เรามองว่าปูเขาทำเต็มที่ในส่วนของเขาแหละ แต่ระบบการทำงาน และทัศนคติอาจจะไม่ตรงกัน ฉะนั้นวันนี้ไม่โทษว่าปูผิดสัญญา หรือไม่มาร่วมงานกับเรา หรืออยากจะถอนตัวหรืออะไร ตูมไม่โทษเลยนะ เพราะการที่แค่เขาเคยคิดที่จะมาร่วมงานกับเรา สำหรับตูมมันเป็นเกียรติแล้ว เพราะเราเป็นแค่แบรนด์เล็กๆ เราไม่ใช่เคาน์เตอร์แบรนด์ด้วยซ้ำ มาอยู่กับเรา มาช่วยเราตอนนั้น"

"แต่ล่าสุดตูมต้องขอโทษที่ตูมแขวะ ตูมยอมรับว่าฟังบทสัมภาษณ์ของปูล่าสุดแล้ว แล้วเราเสียความรู้สึกกับปูมาก มากถึงขนาดที่ว่า ปกติปูกับตูมไม่เคยทะเลาะกัน ไม่เคยด่าทอกันเลย ถ้ามีปัญหาส่วนใหญ่จะเป็นกับทางหุ้นส่วนคนอื่น แต่ตูมกับปูไม่เคยตีกันเลย ซึ่งครั้งนี้มันทำให้เรารู้สึกว่าทำไมเขาต้องพูดแบบนี้ มันทำให้เราโมโหและไม่มีสติ จึงทำให้เราแชร์และอยากต้องการให้ตัวแทนเห็นว่าปัญหาจริงๆ มันเป็นแบบนี้นะ เรื่องการฉีกสัญญาหรือการทะเลาะกันมันมีมาตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้ว มันไม่ใช่แค่แบรนด์เราที่โดนกระทบ มันโดนหมด ตูมเลยบอกไงว่าทำไมเราไม่ประนีประนอมแล้วมาคุยกันหลังบ้าน จนถึงวันนี้วันที่เราทุกคน ทั้งตัวปู พี่หอม ทั้งตูมและคนรอบตัวกลายเป็นขี้ปากชาวโซเชียล โดนด่า และคนที่หนักสุดคือคนที่อยู่เกรดล่างสุดนั่นคือตัวตูม วันนี้ตูมโดนประชาชนตัดสินไปก่อนศาลแล้ว"

มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงทำให้มีคนมองว่าเราไม่โปร่งใส ?

"เรื่องของบริษัทตูมต้องขอโทษจริงๆ เพราะตูมพูดไม่ได้มาก ไม่ใช่ว่าตูมอยากจะปิดบังอะไรพี่ๆ นะครับ แต่เนื่องจากตอนนี้เรามีปัญหาใหญ่ระดับประเทศแล้ว มันอยู่ในเรื่องของการฟ้องร้องแล้ว เพราะฉะนั้นตูมปล่อยให้เป็นทีมฝ่ายกฎหมายของบริษัทและทนายตูมจัดการแบบ 100 เปอร์เซ็นต์เลย เรื่องความไม่โปร่งใสที่ทางฝั่งเขาคิด มันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่จริง หรือมีข้อโต้แย้งอะไรให้เขาออกมาชี้แจง และให้มาพิสูจน์หลักฐานกัน เพราะฝ่ายตูมก็ยินดีให้เขาตรวจสอบทุกอย่างอยู่แล้วครับ"

เราอยากให้เรื่องนี้จบยังไง ?

"อันนี้ตูมขอโทษนะ ตูมไม่เคยถามพี่หอมหรือหุ้นส่วนคนอื่นๆ ว่าอยากจบยังไง แต่สำหรับตูม ตูมอยากจบด้วยความที่เราไม่ควรออกมาสาดน้ำลายใส่กัน หรือด่ากันในโลกโซเชียลอีกแล้ว มันไม่มีประโยชน์ ตูมโดนด่าหนักสุดในชีวิต ตูมก็รู้ว่าเป็นดีเจแคมฟรอก ดีเจตลาดล่าง มีวันนี้ได้เพราะเกาะดาราดังด้วยการตีสนิท คือโดนด่าแบบนี้ตูมเฉยๆ เมื่อก่อนตูมก็โตมาจากการด่าคน ตูมเลยไม่ซีเรียส ณ วันนี้ตูมเป็นหนี้ของวงการบันเทิงมากขนาดไหนกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ แต่ภาพของปูเขาใหญ่มาก มีงานระดับไหน อยู่ในวงการมากี่ปี เขาไม่ควรมีข่าวในด้านลบแบบนี้อยู่แล้ว"

"ปูบอกว่าไม่ได้แคร์มิตรภาพเพราะไม่ได้สนิทกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องแคร์มิตรภาพก็ได้ ถ้าไม่อยากสนิท เราก็ไม่ได้อยากจะไปสนิทกับเขา แต่วันที่คุณเข้ามาสนิทกับเราเพราะวันนั้นมันมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามา ณ วันนี้มันจบเรื่องผลประโยชน์ไปแล้วถูกผิดให้กฎหมายเป็นคนตัดสิน แต่ทั้งตัวตูมเอง ตัวต้นหอม และตัวปู หยุดการสาดน้ำลายใส่กัน นี่คือทางออกที่ดีที่สุดครับในวงการ"

เห็นว่ามีการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเขาด้วย ?

"เรื่องนี้ขอให้เป็นทางฝ่ายกฎหมายของตูมพูดดีกว่าครับ เพราะตัวเลขมันยังไม่ชัดเจน"

ฟ้องเรื่องอะไรไป ?

"เรื่องการผิดสัญญาครับ จริงๆ ประเด็นหลักมันมีอยู่แค่นั้น แต่รายละเอียดในด้านต่างๆ เราก็อยากจะให้ทางฝ่ายกฎหมายของเราเป็นคนดำเนินการ"

แสดงว่าเรายืนยันจะขอสู้คดีต่อไป ?

"ถ้าเราผิดจริงๆ และศาลตัดสินให้เราจ่าย เราก็ต้องจ่าย แต่ตอนนี้ตูมไม่สามารถตอบสื่อได้ว่าจะจ่ายหรือไม่จ่าย จะยอมรับหรือไม่ยอมรับ เพราะศาลจะต้องเป็นคนตัดสินเท่านั้นครับ"

ทางฝ่ายเขาบอกว่า มีเรื่องของเครื่องหมายการค้าที่เป็นจุดแตกหักระหว่างเรากับเขา ?

"ตรงนั้นให้ศาลตัดสินเลยครับ จริงๆ เราไม่ได้โดนแค่เรื่องเครื่องหมายการค้า โดนหลายครั้งมาก โดนหลายอย่างมาก ซึ่งตอนนั้นเราคุยกันตลอด เราเข้าใจว่าตอนนั้นปูโดนหนักมาก ออกมาเจอสื่อบ่อยมาก แต่ขอพูดตรงนี้ครับ ไม่ใช่แค่ปูที่โดน เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ของปีที่แล้ว ตูมก็โดนพี่ๆ นักข่าวสัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้เหมือนกัน แต้วก็โดน พี่หอมก็โดน ทุกคนโดนหมดครับ เพราะเราเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ครับ"

ยืนยันได้ว่าตั้งแต่ทำธุรกิจนี้มา เราโปร่งใส ?

"ครับ ถ้าเป็นตัวตูม ตูมโปร่งใส ไม่ใช่แค่ตูมสิ แต่ทุกๆ คนที่ตูมร่วมงานด้วย เอาจริงๆ นะ ตูมจะไปโกงเขาทำซากอะไร ถ้าโกงก็จะโดนแหก โดนแหกไม่พอยังจะต้องโดนฟ้องอีก ยิ่งคนที่ตูมร่วมงานด้วยเป็นถึงดาราตัวท็อป เขาก็มีเงินจ้างทนายกันทั้งนั้น มันไม่มีประโยชน์ในการโกงเลยครับ"

เราแบ่งเปอร์เซ็นต์หุ้นเท่ากันทุกคนเลยไหม ?

"ถ้าในผลิตภัณฑ์ Praya By L.B. เท่ากันครับ เขาเป็นบอส มีหุ้นด้วยกันทั้งหมด 4 คนครับ"

เขาบอกว่าให้เราแต่งตั้งบริษัทใหม่ แต่เราไม่แต่งตั้งให้เขา ?

"เรื่องนี้ให้ทางกฎหมายและทีมทนายตูมเป็นคนตอบเลยครับ"

สัญญาของปูจะหมดเมื่อไหร่ ?

"จริงๆ สัญญาของปูคือ 1 ปีอยู่แล้วครับ มันหมดไปแล้ว แต่ช่วงที่เรายื่นฟ้องมันยังมีระบุอยู่ในสัญญา ตั้งแต่เปิดตัวมาปูเขาลงรูปไม่กี่รูปเอง"

แต่เหมือนทางไอจีของผลิตภัณฑ์ยังใช้รูปปูอยู่ ?

"อ๋อ ตอนนี้หยุดไปแล้วครับ จริงๆ เรามีการสั่งห้ามก่อนจะแตกหักกันด้วยนะครับ ตั้งแต่เรามีข่าวเรื่องสึนามิวงการอาหารเสริม เราสั่งให้ทุกคนหยุดโพสต์ หยุดใช้รูปปู ไม่ใช่เฉพาะกับแบรนด์ของเขา แต่เป็นกับทุกผลิตภัณฑ์ในบริษัทให้หยุดใช้ไปก่อน เพราะตอนนั้นเรายอมรับว่าเราโดนหนักนะ จริงๆ ตูมไม่รู้ว่าวันนี้ทิศทางมันจะไปทางไหนกับธุรกิจที่ตูนสร้างมา แต่ยืนยันได้ว่าตูมไม่เคยคิดที่จะทำร้าย หรือทำลายชีวิตใครอย่างแน่นอน"

อยากจะทำธุรกิจนี้ต่อไปไหม ?

"จริงๆ ตัวของกุ๊บกิ๊บมันก็ยังไปต่อได้ วันนี้มีตัวแทนหลายคนมาหาตูมด้วย ตูมเชื่อว่ามันเป็นอาชีพสุจริตที่สร้างคนได้และช่วยเหลือคนได้ คำว่าสงสารตัวแทนที่เขาพูด เขาอาจจะหมายถึงสงสารเรื่องกำไรที่เขามาลงทุนในวันที่เขาพูดเปิดตัว แต่ ณ วันนี้คนที่เห็นตัวแทนลำบากจริงๆ คนที่ต้องอุ้มตัวแทนขึ้นมาจริงๆ คือบริษัท ไม่ใช่เขา"

IG: dj_matoomดีเจมะตูม โพสต์ภาพมองบน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทมากแค่ไหน ?

"มันกระทบอยู่แล้วครับ แต่เรื่องคุณภาพของสินค้าต้องให้ผู้บริโภคเป็นคนตัดสิน ณ วันนี้คนออกมาด่าสินค้าเราเยอะมาก เคยใช้จริงหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ ก่อนหน้านี้เราก็เคยโดนด่าแรงมาก ว่าใช้ อย. ปลอม จนเราต้องออกมาชี้แจงว่าจริง เราต้องบอกว่าเราเป็นแบรนด์ที่มีนางเอกมาเป็นพรีเซ็นเตอร์และบอส เพราะฉะนั้นมันเลยไม่แปลกที่คนจะมาเพ่งเล็งเราเป็นพิเศษ และแบรนด์เราดัง เราต้องยอมรับตรงนี้ครับ"

ได้คุยกับตัวแทนแล้วว่าอย่างไรบ้าง ?

"จริงๆ ตูมเซนซิทีฟกับตัวแทนมาก (เสียงสั่น) เขาไม่จำเป็นต้องเชื่อบริษัทก็ได้ครับ ถึงแม้ตัวแทนหลักๆ บางคนจะขาดทุน แต่เขาก็มาบอกว่า บอสไม่เป็นไรนะ เราจะสู้ไปด้วยกัน นั่นคือสิ่งที่มันทำให้เรามีกำลังใจที่จะทำต่อไป ธุรกิจของเราเคยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และเคยทรุดลงไปอย่างมากตอนที่มีปัญหาเรื่องธุรกิจอาหารเสริม วันนี้ไม่มีใครเชื่อแล้วว่าแค่ดาราถือคือดารากินจริง"

"ขอพูดแก้ต่างตรงที่มีคลิปแชร์กันเยอะมาก ซึ่งเป็นคลิปของมะตูมที่เคยบอกว่าจะไม่รับรีวิวนะหน้าดีอยู่แล้ว นั่นเป็นคลิปที่ตูมอัดจริงๆ เป็นตูมจริงๆ ไม่ใช่คนหน้าคล้ายนะ ต้องขอโทษที่ตอนนั้นพูดหยาบ แต่ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าถ้าไม่ได้ใช้อะไรจริงๆ จะไม่มีทางโพสต์รูป หรือรีวิวเด็ดขาด สิ่งที่ตูมโพสต์ในไอจีทุกวันนี้ มันคือผลิตภัณฑ์ของบริษัทตูมเอง ซึ่งกว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกมาสู่ตัวแทน มะตูมต้องพัฒนามันเอง ต้องไปโรงงานเอง ลองกับหน้าตัวเองหลายสูตรต่อหลายสูตร จึงกล้าบอกว่าเราใช้จริงถึงกล้าพูด"

"บทเรียนในครั้งนี้ ต้องบอกเลยว่าด้วยคาแรกเตอร์ที่ถูกมองว่าตูมเป็นคนแรงอยู่แล้ว ถามวันนี้สำนึกผิดตรงไหน คือเรื่องการสงบสติอารมณ์ในการใช้โซเชียลของตัวเอง แต่ถ้าในเรื่องของพาร์ทธุรกิจ ตูมมีความรู้สึกว่าตูมโปร่งใส และทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาโดยตลอด ถ้าวันนี้ตูมจะขอโทษ ตูมขอโทษกับทุกคนที่รู้สึกไม่ดีกับข้อความในโซเชียลของตูม"

"ต้นหอมกับปูทะเลาะกัน เหมือนเขาอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ดีเจมะตูมไม่สามารถไปเทียบเคียงกับเขาได้ ไม่ต้องมาตอกย้ำหรือมาด่าตูมครับ เพราะตูมตระหนักและสำเหนียกตัวเองอยู่แล้วว่ามาจากจุดไหน ไม่เคยลืมกำพืดตัวเอง แค่มีวันนี้ได้เราก็มีความสุขและพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีแล้วครับ"

หลายคนเข้าใจว่าเราดึง แพท ณปภา มาทำหน้าที่แทน ปู ไปรยา ?

"ไม่ใช่ครับ หลายคนเข้าใจผิด เครือของปูคือ ไปรยา บาย แอลบี สิ่งที่ตัวแทนลงทุนมันต้องเดินหน้าต่อ ซึ่ง แพท ณปภา ไม่ได้อยู่บนกล่องด้วยซ้ำ แพทเป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ เพราะจริงๆ ถ้าไปถามแพท แพทเขาจะถูกบิลด์ให้เป็นพรีเซนเตอร์ก่อนพี่ต้นหอมซะอีกสำหรับตัวแอลบี และพอแพทเขาหมดสัญญาปุ๊บ เราก็เอาแพทมาทำสัญญาเป็นพรีเซนเตอร์ต่อ 1 ปี แพทเป็นพรีเซนเตอร์นะครับ ไม่ใช่บอสเหมือนกับที่ปูเป็น มะตูมยังยืนยันนะครับว่าทำไมปูถึงเป็นบอส เพราะนั่นคือสิ่งที่เราคุยกัน เราคุยกันว่าหุ้นส่วนเราจะแบ่งกันเท่านั้นเท่านี้ และในวันเปิดตัวเราก็ให้ปูพูดได้เลย อีกอย่างในวันเปิดตัวเราก็ไม่ได้มีสคริปต์"

ตัวเราเองเครียดถึงขั้นร้องไห้กับเหตุการณ์นี้เลยไหม ?

"ร้องครับ เราโดนคนด่าทั้งประเทศ แถมด่าถึงพ่อถึงแม่ด้วย ซึ่งภาพมองบนของมะตูม มะตูมยืนยันเลยว่าไม่ได้ตั้งใจแขวะใคร มะตูมลงก่อนที่เขาจะให้สัมภาษณ์ด้วยซ้ำเพราะมันเป็นเวลาอเมริกา และสาเหตุที่มะตูมนำมาโพสต์ลงก็เป็นเพราะมะตูมรู้สึกว่ามุมหน้ามันสวย อันนี้พูดจริงๆ เลย และยิ่งพอกุ๊บกิ๊บเข้ามาคอมเมนต์มันก็เลยเหมือนกับว่าเป็นการจุดชนวนให้กับข่าว คอมเมนต์แรงมากๆ ครับ มะตูมไม่เคยโดนใครด่าหนักขนาดนี้มาก่อนในชีวิต แต่มะตูมก็จะไม่ลบ เพราะมะตูมจะเก็บไว้เตือนตัวเองว่าครั้งหนึ่งเราก็เคยทำพลาด เรื่องนี้จะได้เป็นบทเรียนในการสอนมะตูม หากวันไหนที่เรารู้สึกหลงตัวเองก็ให้มาย้อนดูว่า ไม่ใช่ทุกคนจะเปิดพื้นที่ให้เราหรือเปิดแขนต้อนรับเรา เพราะยังมีคนบางคนที่เขาเกลียดและไม่ชอบเราอยู่ด้วยเหมือนกัน"

เรื่องนี้จะมีผลต่อการคัดเลือกคนมาร่วมงานกับเราในอนาคตไหม ?

"มีแน่นอนครับ เราต้องคิดให้มากขึ้น จริงๆ มะตูมไม่อยากพูดประโยคนี้นะ แต่ถ้ามะตูมมองใครเป็นเพื่อนจริงๆ มันไม่มีการฟ้องร้องกันอยู่แล้ว ซึ่งกับปูเราเองก็ไม่ได้สนิทกับเขาหรือรู้จักกับเขาขนาดนั้น มันไม่ได้เหมือนกับ แต้ว กุ๊บกิ๊บ หรือพี่ต้นหอม ที่เราสนิทกันมาก่อน รู้จักกันมาก่อน แต่ว่าของคุณปูเขาอยู่สูงมาก (เสียงสูง) ซึ่งมะตูมไม่ได้จะจัดระดับใครนะครับ แต่มะตูมแค่จะบอกว่าก่อนที่เราจะมาเซ็นสัญญาร่วมกัน มะตูมเคยเจอกับเขาแค่ 2 ครั้งเอง คือเราแทบจะไม่รู้จักกันเลย"

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นี้เราได้มีโอกาสคุยกันบ้างหรือยัง ?

"จริงๆ มะตูมกับปูเราไม่ได้คุยกันมาครึ่งปีแล้วตั้งแต่แตกหักและทะเลาะกัน แต่ว่าตอนนั้นยังอยู่ในสัญญานะครับ คือเขาต้องการให้คุยผ่านทนายเขาเท่านั้น ให้มะตูมไปคุยกับทนายของเขา ซึ่งมะตูมรู้สึกว่าทำไมจะต้องใช้ทนายคุย เพราะถ้าเขาไม่คุยกับมะตูมก็ให้ทนายของมะตูมไปคุยกับทนายเขาก็ได้ ให้ทนายกับทนายคุยกันดีกว่า ดังนั้นมันก็เลยกลายเป็นว่าตลอดระยะเวลาที่เรามีปัญหากัน ทนายคุยกับทนายตลอด แต่ตัวของเราเองไม่เคยได้คุยกันเลย จนกระทั่งวันที่เขาออกมาให้สัมภาษณ์แบบนั้น ซึ่งมะตูมรู้สึกไม่พอใจอยู่แล้วว่าทำไมเราไม่เคลียร์กันหลังบ้านมันจะได้จบ แต่ถ้าจะให้มาเคลียร์ตอนนี้มันก็คงจะไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะมันมองหน้ากันไม่ติดไปแล้ว"

"อย่างล่าสุดเขาก็ไลน์มาถามว่ามะตูมเลิกบล็อกเขาแล้วหรือยัง ซึ่งมะตูมสามารถบอกได้เลยว่ามะตูมไม่เคยบล็อกเขาเลย แม้กระทั่งวันนี้อินสตาแกรมเขามะตูมก็ยังติดตามอยู่ ทั้งๆ ที่เขาเลิกติดตามมะตูมไปแล้ว มะตูมยืนยันได้เลยว่าไม่เคยบล็อกเขา แล้วมะตูมก็ยอมรับว่ามะตูมส่งข้อความไปหาเขาด้วยความน้อยใจว่า 'คุณจะมาด่าเราเหรอ คุณทักเรามาทำไม ถ้าจะมาด่าไม่ต้องแล้วนะเพราะเราโดนคนทั้งประเทศด่าแล้ว' ซึ่งเขาก็พิมพ์ข้อความมาประมาณว่า 'พี่มะตูมปูขอโทษไม่อยากให้มาถึงจุดนี้เลย จริงๆ ปูยังรู้สึกดีกับพี่มะตูมนะ' คือ...เรายิ่งเห็นประโยคนี้เราเองก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ เพราะว่าถ้าเขายังรู้สึกดีทำไมเขาไม่เคลียร์ก่อน จะออกมาพูดทำไม เรามาคุยกันก่อนสิ การที่เราสาดโคลนใส่กันคนที่เจ็บคือมะตูม รองมาก็คือคุณนั่นแหละที่โดนด้วย"

พอจะบอกได้ไหมว่าใครโกหกและใครไม่โกหก ?

"ก็คือถ้าพี่ถามมะตูม มะตูมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามะตูมถูกไหมในสายตาคนอื่น แต่มะตูมก็พยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้องที่สุด เพราะว่ามะตูมยังต้องทำมาหากินในวงการนี้ มะตูมไม่ได้อยากที่จะอยู่ดีๆ ก็ต้องมาเข้าคุกนะพี่"

ขั้นตอนต่อไปที่เราจะดำเนินการคืออะไร ?

"จริงๆ ก็อยากที่จะพยายามเคลียร์ทั้งตัวเขาและตัวเรา ซึ่งก็มีคนท้านะว่าให้เราสองคนมาดีเบตกัน หรือให้เราทั้งคู่มาแถลงข่าวพร้อมกันเลย มะตูมพูดได้ว่ามะตูมพร้อมนะครับ พร้อมเสมอ แต่ถ้าถามว่า ณ วันนี้เรายังสามารถมองหน้ากันได้ไหมหรือร่วมงานกันติดไหม มันไม่ติดหรอกครับ มันไม่ติดอีกแล้ว ส่วนเรื่องการเดินหน้าต่อไปจะทำอย่างไร อย่างแรกเลยก็คือหยุดการด่าทอ หยุดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เนื่องจากตอนนี้ปูเขายังอยู่ที่ต่างประเทศและมีกำหนดการว่าจะกลับอาทิตย์หน้า เอาเป็นว่ามะตูมขอพูดผ่านตรงนี้ละกันเพราะเขาเองก็ได้พูดผ่านสื่อมา คือ...ปู มะตูมได้รับบทเรียนแล้ว กับการทำธุรกิจโดยที่เราไม่ได้ศึกษาดูใจกันมาตั้งแต่แรก ณ วันนี้ต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกว่าตัวเองถูกต้องมีหลักฐาน เพราะฉะนั้นเราให้กระบวนการของศาลเป็นคนตัดสินเราสองคนดีกว่า เราสองคนไม่ต้องมาให้ประชาชนตัดสินกันเอง เพราะประชาชนไม่ใช่ศาล"

แสดงว่าตอนนี้เรื่องอยู่ที่ศาลเรียบร้อยแล้ว ?

"ใช่ครับ"

ถ้าหากต้องเจอกันในศาลจะมองหน้ากันอย่างไร ?

"ถ้าหากมะตูมใส่แว่น มะตูมก็คงต้องถอดแว่นและมองปกติ แต่ถ้าจะให้อยู่ดีๆ เข้าไปทัก เข้าไปเซย์ไฮมันคงจะไม่ได้แล้ว"

ตอนนี้ทางศาลเขาได้มีการกำหนดนัดเราบ้างหรือยัง ?

"ยังไม่มีการนัดทั้งคู่นะครับ แต่ว่าทางฝั่งของมะตูมได้มีการนัดแล้ว ซึ่งข้อมูลตรงนี้มะตูมขอยังไม่บอกรายละเอียดละกัน"

แสดงว่ามีการนัดเราให้ปากคำแล้วถูกต้องไหม ?

"เดี๋ยวทุกอย่าง คือ...ต่อไปนี้มะตูมคงไม่มีอีเวนต์แล้วแหละ แต่ทุกอย่างที่พี่สงสัยเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ด้วยความที่พี่ต้นหอมเขาเองก็เป็นเหมือนกับพรีเซ็นเตอร์บริษัทและอยู่ในสื่อมากกว่ามะตูม ฉะนั้นในส่วนของความคืบหน้าและการอัปเดตข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับข้อกฎหมาย มะตูมขอให้พี่ต้นหอมเป็นคนพูดแต่เพียงผู้เดียวไปเลยครับ"

>>ปู ไปรยา-มะตูม-ต้นหอม แบ่งเค้กรายได้ร้อนถึงศาล ปมขัดแย้งธุรกิจหุ่นสวย

>>"ต้นหอม" จัดหนัก! "ปู ไปรยา" เลือกเป็นบอส "มะตูม" ปล่อยโฮขอโทษที่พาเข้ามา

>> "ผจก.ต้นหอม" โพสต์แรงถึงใครดาราจอมปลอม ต้นหอมเข้ามาคอมเมนต์ด้วย

>> "ดีเจมะตูม" ซัดชาวเน็ต ส.ใส่เกือก โดนแขวะแรง ให้เลิก "ปลอม" คนเกลียดค่อนประเทศ

>> จากใจ "ปู ไปรยา" แจงเหตุยกเลิกสัญญาพรีเซนเตอร์อาหารเสริม

>>"ดีเจมะตูม" ทนเงียบไม่ไหว บอกตัวแทนอย่าเรียก "ปู ไปรยา" ว่าบอส สงสารเขา

>>"ปู ไปรยา" เปิดประวัติการศึกษา ทูตสันถวไมตรีข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ คนแรกของไทย

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ “มะตูม” เปิดใจเสียความรู้สึกกับ "ปู ไปรยา" คิดว่าจากนี้คงมองหน้ากันไม่ติดแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook