5 ประสบการณ์หวานขมกับบริการขนส่งสินค้าไทย
จากกรณีดราม่าพนักงานบริษัทขนส่งเอกชนนำเซ็กซ์ทอยของลูกค้ามาถ่ายรูปโชว์ แถมยังส่งที่อยู่ของลูกค้าให้เพื่อนในกลุ่ม พร้อมคอมเมนต์ที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้ชาวเน็ตออกมาประณามการกระทำของพนักงานคนดังกล่าว และยังร่วมแชร์ประสบการณ์การใช้บริการขนส่งสินค้าโดยบริษัทเอกชนและไปรษณีย์ไทย ซึ่งมีทั้งเรื่องราวดีๆ และประสบการณ์อันน่าสาปส่ง ดังนั้น Sanook! News จึงรวบรวมประสบการณ์ “ทั้งรักทั้งแค้น” ระหว่างบริษัทขนส่งกับผู้ใช้บริการ จะมีอะไรบ้าง มาดูกัน!
>> เคอรี่ เอ็กซ์เพรส แถลงไล่ออก 4 พนักงานแกะเซ็กซ์ทอยลูกค้า ลั่นดำเนินคดีถึงที่สุด
>> จวกยับ! พนักงานบริษัทส่งสินค้าแอบแกะเซ็กซ์ทอยลูกค้า ถ่ายรูปเล่น-ล้อลงโซเชียล
1. มาตรฐานการส่งสินค้า
ที่ผ่านมาเรามักจะวัดความดีงามระหว่างไปรษณีย์ไทยกับบริษัทขนส่งเอกชนที่ “ความรวดเร็ว” ในการส่งสินค้า ซึ่งไปรษณีย์ไทยจะถูกตีตราว่าช้าเป็นหอยทาก แต่ปัจจุบันนี้ ไปรษณีย์ไทยก็ถือว่ารวดเร็วฉับไวไม่แพ้บริษัทขนส่งเอกชนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตหลายคนก็ยังให้คะแนนบริษัทเอกชนมากกว่า เนื่องจากพนักงานของบริษัทขนส่งเอกชนนั้นมักจะโทรแจ้งผู้รับสินค้าล่วงหน้า และสามารถนัดหมายเวลาส่งได้ ในขณะที่บุรุษไปรษณีย์จะไม่สามารถนัดเวลาที่แน่นอนได้
แต่สิ่งหนึ่งที่น่าจะถูกหักคะแนนทั้งคู่ก็คือวิธีการส่งที่ไม่มีมาตรฐานตายตัว โดยเฉพาะเมื่อไม่มีผู้รับพัสดุ บุรุษไปรษณีย์อาจจะออกใบแจ้งให้ไปรับพัสดุเอง หรือถือวิสาสะวางพัสดุไว้ตามรั้วบ้าน ในขณะที่พนักงานขนส่งเอกชนบางคนเลื่อนวันส่งให้ บางคนฝากของไว้ที่ป้อมยามหรือข้างบ้าน และบางคนอาจโยนพัสดุเข้าไปในรั้วบ้าน โดยไม่แคร์สวัสดิภาพสิ่งของในกล่อง เป็นต้น
2. ความปลอดภัยของสินค้า
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยปรี๊ดแตกกับปัญหาสุดคลาสสิก อย่างสินค้าที่ชำรุดเสียหายจากการขนส่ง แต่จากการเก็บข้อมูลพบว่า สิ่งของเสียหายถือเป็นเรื่อง “วัดดวง” เพราะทั้งไปรษณีย์และบริษัทขนส่งเอกชน ล้วนแล้วแต่เคยมีประเด็นเรื่องสินค้าชำรุดเสียหายจากการขนส่งทั้งสิ้น
นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ส่งของผิดบ้าน แต่กลับมีคนเซ็นชื่อรับ ทำให้เราต้องตั้งคำถามถึงมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้า และขั้นตอนการตรวจสอบผู้รับสินค้า และที่น่าสลดยิ่งกว่าส่งของผิดบ้านก็คือ ของหายไปอย่างไร้ร่องรอย จับมือใครดมไม่ได้ ยิ่งเดี๋ยวนี้มีการติดป้ายบอกชนิดของสินค้าไว้หน้ากล่องพัสดุด้วย ซึ่งหากเป็นของมีค่าก็อาจจะถูกขโมยได้เช่นกัน
>> ดีเจสาวอึ้งหนักมาก ส่งพัสดุน้ำพริกตาแดงผ่านขนส่งดัง เปิดมาช็อกเหลือแต่ถ้วย
3. ความชำนาญในพื้นที่ของพนักงานส่งของ
จากการสำรวจความคิดเห็นของชาวเน็ตพบว่า คุณสมบัติของไปรษณีย์ไทยที่หลายคนประทับใจก็คือ “ความชำนาญในพื้นที่” เนื่องจากบุรุษไปรษณีย์ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ มีชั่วโมงบินในการทำงานสูง รวมทั้งมีการจัดทำแผนที่บ้านอย่างเป็นระบบ ในขณะที่พนักงานของบริษัทขนส่งเอกชนมักจะผลัดเปลี่ยนกันไปส่งของในพื้นที่ต่างๆ ทำให้ไม่ชำนาญในพื้นที่ อาจจะหลงทางหรือต้องโทรถามที่อยู่ซ้ำๆ สร้างความรำคาญให้กับลูกค้า รวมถึงกรณีที่บ้านของลูกค้าอยู่ในซอยลึก ทำให้พนักงานขนส่งเอกชนบางคนปฏิเสธที่จะมาส่งสินค้าถึงบ้าน แต่ให้ลูกค้าออกไปรับสินค้าเอง
4. บุคลิกและมารยาทของพนักงานส่งพัสดุ
บุคลิกและมารยาทของพนักงานส่งพัสดุก็เป็นอีกประเด็นที่หลายคนพูดถึง ซึ่งดูเหมือนว่าพนักงานของบริษัทขนส่งเอกชนจะตกเป็นประเด็นเรื่องมารยาทมากกว่าบุรุษไปรษณีย์ โดยเฉพาะท่าทีที่ “เป็นกันเองกับลูกค้าเกินไป” เช่น การใช้คำพูดที่ไม่สุภาพ น้ำเสียงตะคอก การหยอกล้อกับลูกค้า การแต่งกายไม่สุภาพ ไปจนถึงการวิพากษ์วิจารณ์ลูกค้าต่อหน้าต่อตา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงความเป็นมืออาชีพของบริษัทเลยทีเดียว
5. ความเป็นส่วนตัวที่หายไป
แม้ว่าการขนส่งสินค้าทุกวันนี้จะรวดเร็วทันใจ ชนิดสั่งเมื่อวานได้รับวันนี้ถึงหน้าประตูบ้าน แต่สิ่งที่ต้องแลกมาก็คือ “ความเป็นส่วนตัว” ของผู้รับ เนื่องจากการสั่งสินค้าจะต้องเปิดเผยที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ให้กับคนแปลกหน้า ซึ่งไปรษณีย์ไทยจะเป็นบุรุษไปรษณีย์คนเดิมมาส่งทุกครั้ง ให้ความรู้สึกคุ้นเคย เหมือนเป็น “คนแถวบ้าน” ในขณะที่บริษัทขนส่งเอกชน ก็จะมีพนักงานส่งของผลัดเปลี่ยนกันมาส่ง หลายครั้งเกิดกรณีพนักงานส่งของพยายามติดต่อสานสัมพันธ์กับลูกค้า จนเกินเลยไปถึงการคุกคามทางเพศ เช่นเดียวกับกรณีล่าสุด ที่พนักงานแกะห่อพัสดุที่มีเซ็กซ์ทอยของลูกค้า และเปิดเผยที่อยู่ของลูกค้าให้คนอื่นๆ ทราบนั่นเอง