แม่ชราสู้ชีวิตเลี้ยงลูกชายพิการ ซ้ำร้ายน้องชาย-น้องสะใภ้โกงที่ดินมรดก ขับไสไล่ส่งทุกวัน

แม่ชราสู้ชีวิตเลี้ยงลูกชายพิการ ซ้ำร้ายน้องชาย-น้องสะใภ้โกงที่ดินมรดก ขับไสไล่ส่งทุกวัน

แม่ชราสู้ชีวิตเลี้ยงลูกชายพิการ ซ้ำร้ายน้องชาย-น้องสะใภ้โกงที่ดินมรดก ขับไสไล่ส่งทุกวัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(7 พ.ค. 62) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ที่บ้านเลขที่ 174 หมู่ 8 ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท มีแม่ลูกคู่หนึ่ง ที่แม่แก่จนช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ ด้วยวัยที่ชราประกอบกับสุขภาพที่ย่ำแย่ ต้องดูแลลูกที่พิการต้องตัดขา เนื่องจากอาการป่วย ทั้งที่ดินทำกิน 10 กว่าไร่ ที่เป็นมรดกตกทอดก็ถูกน้องชายกับน้องสะใภ้ ไปหลอกขายให้กับนายทุน จนไม่มีที่อยู่ ทั้งยังถูกพยายามขับไล่ทุกวิถีทาง จึงอยากได้ความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญ

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปบ้านหลังดังกล่าวพบ บ้านชั้นเดียวยกสูงมุงสังกะสี ใต้ถุนบ้านถูกปรับเป็นห้องนอน สภาพไม่มีหน้าต่าง ภายในมืดทึบ พบนางลออง ผาสุขใจ อายุ 85 ปี สายตาฝ้าฟาง และนายถิรเดช ผาสุขใจ อายุ 54 ปี ชายพิการ ขาขวาถูกตัดจนถึงโคนขา ไม่สามารถทำงานได้ อาศัยเงินเบี้ยผู้สูงอายุ และเบี้ยคนพิการ และเงินบริจาค เดือนละไม่ถึง 3,000 บาท เนื่องจากถูกโกงบ้านและที่ดินจนกลายเป็นผู้อาศัย ขณะที่เจ้าของบ้านพยายามขับไล่ทางอ้อมทุกวิธีเพื่อไม่ให้ความผิดถึงตัว

นางลออง ผาสุขใจ กล่าวว่า เมื่อก่อนไม่เคยลำบากเพราะมีบ้านอยู่ มีที่นาทำกิน แต่หลังสามีเสียชีวิต ทำนาขาดทุนเกิดเป็นหนี้ธนาคาร 40,000 บาท  จึงเอาบ้านที่เป็นมรดกไปจำนองไว้กับเพื่อนบ้าน แล้วเดินทางเข้า กทม.เพื่อทำงานหาเงินมาใช้หนี้ 5 ปีผ่านไป พอรวบรวมเงินได้แล้วตั้งใจกลับมาบ้าน เพื่อเอาเงินมาไถ่บ้านคืน  แต่กลายเป็นว่าน้องสะใภ้ร่วมกับน้องชาย เอาเงินไปไถ่บ้านแล้วร้องศาลขอเป็นสมบัติของตัวเองไปแล้วโดยที่ไม่มีใครบอกกล่าว ส่วนที่ดิน 10 กว่าไร่ที่เคยทำกิน น้องชายก็แอบขายจนหมดเพื่อเอาเงินใช้หนี้ของตัวเองนับแสนบาท  ตนจึงต้องกลายเป็นผู้อาศัย 2 คนแม่ลูก

ใหม่ๆ เขาก็ดีกับเรา แต่พอนานไปเขาเริ่มขับไล่เราทางอ้อม เพื่อให้ออกจากบ้าน จะหาที่อยู่ใหม่ถ้าไปเช่าเขาอย่างน้อยเดือนละพันสี่พันห้า แล้วเงินผู้สูงอายุก็แค่ 800 บาท ลูกชายพิการ ก็ได้ 800 บาท มันไม่พอใช้ พอถึงปลายเดือนต้องไปขอยืมเพื่อนบ้าน 400-500 บาท ทุกเดือน แต่พอเบี้ยผู้สูงอายุออกก็เอาไปคืนเขาเป็นอย่างนี้ทุกเดือน ลำบากอย่างนี้มานับ 10 ปี จริงๆ แล้วจะตายหรือจะเป็นก็ไม่อยากออกจากบ้านนี้ไป เพราะเกิดที่นี่ก็อยากตายที่นี่  แต่น้องสะใภ้ขับไล่ทุกวัน ตนเองอายุ 85 ปีแล้วใกล้จากลูกไปแล้ว อยากหาที่อยู่ให้ลูกชายเท่านั้นแหละ ก่อนที่ลูกจะถูกตัดขาก็ยังหาเงินมาเลี้ยงได้บ้าง แต่หลังจากตัดขาแล้วก็หมดปัญญาทำกิน

หากไม่มีลูกชายนะไม่อยากอยู่เลย อยากจะตายเลย เพราะสภาพแวดล้อมมันบีบบังคับทุกอย่างไม่มีดีเลย ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนสายตาก็มองไม่ค่อยเห็น เขาได้พยายามเอาไม้หรือสิ่งของมาขวางทางให้สะดุดล้มหัวตำดินให้ตายไปเลย เหมือนจะให้เราตายโดยเขาไม่มีความผิด  ที่อยู่ทุกวันนี้เพราะห่วงลูกที่พิการ แม่วัยชราสู้ชีวิตกล่าวทั้งน้ำตา

นายถิรเดช ผาสุขใจ ลูกชาย เปิดเผยว่า ตนเรียนจบ ม.3 แล้วไปเรียนต่อวิทยาลัยเทคนิคชัยนาท แต่เรียนได้แค่ปี 2 พ่อป่วยเส้นเลือดในสมองแตกต้องนอนติดเตียง ไม่มีเงินส่งให้เรียน จึงลาออกมาทำงานรับจ้างทั่วไป แม่ต้องคอยดูแลพ่อหลังจากนั้น 8 ปีพ่อเสียชีวิต  ผมไปทำงานกับเพื่อนอยู่ใน กทม. ได้ 3 ปี จึงกลับมาอยู่กับแม่ ช่วงปี 2554 ระหว่างนั้นก็ทำงานทั่วไป มาเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2558  มีวันหนึ่งนอนอยู่ที่บ้านลุกขึ้นไม่ไหว เพื่อนที่เป็นพยาบาลมาดูอาการแล้วโทรเรียก 1669 มารับไปโรงพยาบาล ตอนนั้นไม่ค่อยรู้สึกตัว เดินไม่ไหว แต่สมองยังสั่งงานได้ พอถึงโรงพยาบาลหมอบอกว่าเดี๋ยวตัดแค่ข้อเท้า จึงเซ็นชื่อยินยอมไป พออีกวันส่งเข้าผ่าตัด ตื่นมาอีกทีตกใจ รู้เลยว่าเขาตัดขึ้นมาเหนือเข่า หมอบอกว่าสาเหตุที่ตัดเกิดจากเส้นเลือดไม่ไปหล่อเลี้ยงปลายเท้า เส้นเลือดอุดตัน จากนั้นทางโรงพยาบาลได้ให้ขาเทียมมาใช้ แต่ใส่แล้วเดินไม่ได้เพราะมันคอยจะหลุด ไม้ค้ำยันเขาก็ให้มาแต่ใช้ไม่ได้ ที่ปลายไม้ไม่มียางสวมใช้แล้วลื่น ต้องใช้รถวีลแชร์ และรถโยกเท่านั้น

เมื่อไม่สามารถทำงานได้ต้องใช้เงินเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาท กับเงินที่เพื่อนบริจาคให้เดือนละ 500 บาท แต่ไม่พอใช้ ต้องประหยัด กินข้าววันละ1 มื้อ ส่วนแม่กิน 3 มื้อ ซื้อกับข้าววันละ 1 ถุง 10-20  บาท  บางวันมีคนให้เนื้อหมู หรือผักมา ต้องทำกับข้าวเอง ไม่มีครัว ต้องออกไปทำข้างรั้วใช้กระทะกับเตาฟืน

ผู้มีจิตเมตตาช่วยเหลือ 2 แม่ลูกคู่นี้ สร้างบ้านใหม่ ในที่ดินที่ทางอำเภอจัดเตรียมไว้ให้สำหรับผู้ยากไร้ สามารถโอนเงินช่วยเหลือ ได้ที่ชื่อบัญชี นายถิรเดช ผาสุกใจ  ธนาคารออมสิน สาขาสรรคบุรี หมายเลขบัญชี 020104163520

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook