ชีวิตแสนรันทน ย่าหลานจนตรอก คนโตหายไป-คนเล็กไม่ได้ไปเรียน

ชีวิตแสนรันทน ย่าหลานจนตรอก คนโตหายไป-คนเล็กไม่ได้ไปเรียน

ชีวิตแสนรันทน ย่าหลานจนตรอก คนโตหายไป-คนเล็กไม่ได้ไปเรียน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เปิดชีวิตของ 3 ย่าหลานที่อุดรธานี วอนสังคมช่วยเหลือให้อนาคตเด็ก หลังไม่มีแม้เงินค่าเทอมจ่ายให้ไปเรียน หลานคนโตก็เพิ่งมาหายตัวไป แม่เด็กหนีกลับประเทศ พ่อเด็กก็ขาดการติดต่อไปหลายปี

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพลเมืองดีใน จ.อุดรธานี ระบุว่ามีครอบครัวยากจน ย่ากับหลานอยู่ด้วยกัน 3 คน อาศัยอยู่ในห้องเช่าไม่มีเลขที่ ที่บ้านหนองใส ตำบลหนองนาคำ อ.เมืองอุดรธานี แม่ของเด็กๆ หนีกลับประเทศกัมพูชา ขณะที่พ่อก็หายตัวไปกว่า 3 ปีแล้ว จึงอยากวอนสังคมช่วยเหลือเงินในด้านค่าเล่าเรียนและค่าชุดนักเรียนของเด็ก ที่กำลังจะเปิดเทอมแล้ว เพราะผู้เป็นย่อหวังให้หลานสาวได้มีความรู้ติดตัว ก่อนที่จะตายจากกันไป

เมื่อผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบห้องแถวปูนปลูกติดกันชั้นเดียว โดยมี นางเรียน อายุ 66 ปี กำลังก่อไฟเตาถ่าน เพื่ออุ่นข้าวเหนียวที่เหลือกินกับหลานสาวคนเล็กคือ น้องแสตมป์ อายุ 13 ปี โดยอาหารมื้อนี้มีเพียงกับข้าวเหนียวป่นกบถ้วยเดียว โดยทั้งคู่ได้นั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ที่หน้าห้องเช่า

นางเรียน เปิดเผยว่า ตนเพิ่งกลับมาจาก สภ.เมืองอุดรธานี เพราะไปแจ้งความว่า หลานสาวคนโต น้องสตางค์ อายุ 14 ปี ได้หายตัวไปออกจากบ้านพักได้ 4 วันแล้ว ขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้ เกรงว่าจะได้รับอันตรายกับหลาน

นางเรียน เล่าถึงภูมิหลังให้ฟังว่า เดิมทีตนเองเป็นชาว อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ได้อพยพกับสามีมาทำมาหากินที่ จ.อุดรธานี ก่อนจะมีลูกด้วยกัน 4 คน เป็นชาย 3 หญิง 1 คน ปัจจุบันลูกๆ ต่างก็แยกย้ายกันไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว แต่ละคนก็มีภาระต้องรับผิดชอบของตัวเอง

ลูกสาวคนเล็กของตนได้ทำการขายบ้านเพื่อใช้หนี้สิน และได้มาเช่าห้องเช่าดังกล่าวให้ตนอยู่กับหลานสาวได้อยู่ ซึ่งค่าใช้จ่ายทุกๆ เดือน ประมาณ 2,000 กว่าบาท ลูกสาวจะส่งเงินมาให้ ขณะที่ตัวลูกสาวเองก็ทำงานและมีครอบครัวอยู่ที่ จ.ระยอง แต่เดือนนี้ยังไม่เห็นส่งเงินมา

ขณะที่สามีของตนได้เสียชีวิตไปนานแล้ว ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ลำบากมากยิ่งขึ้น เพราะต้องอยู่กับลูกๆ และหลานสาวตามลำพัง ขาดหัวหน้าครอบครัวไป ต้องมาทำหน้าที่เลี้ยงหลานสาวทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นลูกของลูกชายคนที่ 3 เนื่องจากแม่ของเด็กๆ ซึ่งเป็นชาวกัมพูชาได้หนีกลับประเทศไปตั้งแต่ยังเล็กๆ อยู่ และล่าสุดพ่อของหลานก็ได้หายตัวไปกว่า 3 ปี และไม่เคยกลับมาหาตนกับลูกของตัวเองเลย

นางเรียน ยังกล่าวต่อว่า ตนมีรายได้จากเงินเบี้ยคนแก่เดือนละ 600 บาท และเงินช่วยเหลือคนจนจากสวัสดิการประชารัฐอีกเดือนละ 300 บาท หากมีใครจ้างให้ทำอะไร ตนก็ทำให้ทุกอย่าง ส่วนใหญ่จะมาจ้างให้ไปล้างจ้าง ซักผ้า หรือ รีดผ้า ได้เงินครั้งละ 40-100 บาท แต่นานๆ ครั้งถึงมีคนมาจ้าง

ในแต่ละวันก็ไปหาเก็บผักมาต้ม จิ้มน้ำพริกกินกับหลานสาว อีกทั้งตนก็ยังป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดัน โรคกระเพาะ ต้องไปพบหมอรักษาอาการอยู่เป็นประจำ และผลจากการเป็นเบาหวานก็ทำให้สายตาฝ่าฟางมองเห็นไม่ชัดเจน จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ในสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้ อยากพาหลานสาวคนเล็กไปเรียนต่อในชั้น ม.1 ที่โรงเรียนประจำหมู่บ้าน เพราะโรงเรียนได้เปิดเทอมไปแล้ว แต่ตนก็ยังไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมให้หลาน ส่วนชุดนักเรียนที่ต้องใส่ไปโรงเรียนก็ไม่มี ยังดีที่เพื่อนบ้านได้เอาเสื้อของลูกหลานมาให้ใช้ต่อ ส่วนกระโปรงนักเรียนก็นำไปย้อมสีดำ เพื่อให้ได้ใส่ไปโรงเรียนไปชั่วคราวก่อน กระเป๋านักเรียนก็ไม่มี คงต้องใช้กระเป๋าผ้าแทนไปก่อน รองเท้านักเรียนก็เพียงคู่เดียวที่ค่อนข้างเก่า

ทั้งนี้ นางเรียน บอกว่า ก่อนที่ตนจะตายจากโลกนี้ไปนั้น ก็อยากให้หลานๆ ได้เรียนหนังสือสูงๆ เพื่อจะได้มีความรู้ติดตัวและได้มีโอกาสได้มีงานทำที่ดี เพื่อในอนาคตของเขา ตนจึงวอนขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญช่วยเหลอ เพื่อการศึกษาของเด็ก

รวมทั้งยังฝากติดตามและให้เบาะแสของหลานสาวคนโต อยากนำส่งกลับบ้านให้ด้วย เพราะตนคิดถึงหลานมาก เป็นห่วงนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว โดยหลังจาก นางเรียน ไปแจ้งความเอาไว้ก็ได้มีการประสานให้เจ้าหน้าที่เขตงานหนองบัว มาสอบถามรูปพรรณ ลักษณะของหลานสาวคนโตที่หายออกจากบ้านไป เพื่อช่วยเหลือในการติดตัวกลับมาแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook