สุดเวทนา เด็ก 3 ชีวิตโดนแม่ทิ้งเคว้ง-พ่อติดคุก ญาติไล่ให้ส่งสถานสงเคราะห์

แม่หอบผ้าอ้างจะไปซัก แต่หายตัวไปไม่บอกกล่าว ทิ้งลูกๆ 3 คนเผชิญชะตากรรม พ่อเด็กก็ยังติดคุก ติดต่อญาติฝ่ายแม่ก็ไม่รับเลี้ยง บอกให้ไปทิ้งสถานสงเคราะห์แล้วกัน

ภายหลังจากที่ นางสาวนงลักษณ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อประกาศตามหา นางแสงดาว อายุ 33 ปี เพื่อให้กลับมาดูแลลูกๆ ทั้ง 3 คน ที่ถูกทิ้งไว้ที่บ้านในตำบลท่าไร่ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจไปอย่างกว้างขวาง ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าว

ก่อนจะได้พบกับเด็กๆ ทั้ง 3 คน คือ เด็กชายจักกฤษณ์ อายุ 9 ขวบ, เด็กหญิงปิยวรรณ อายุ 3 ขวบ และเด็กหญิงสุปราณี อายุ 1 ขวบ 3 เดือน ทั้ง 3 คนอาศัยอยู่ในบ้าน โดยมี นางสถาพร อายุ 48 ปี เป็นเครือญาติของนายเสรี พ่อของเด็กๆ มาคอยช่วยดูแลด้วยความกังวล ส่วนพ่อของเด็กนั้นปัจจุบันต้องโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำ

นางสถาพร เปิดเผยว่า แม่ของเด็กๆ ทั้ง 3 คนคือ นางแสงดาว ก่อนจะหายตัวไปได้บอกว่าจะเอาผ้าไปซัก หลังจากนั้นก็ได้หายตัวไป ผ่านไป 3 วันแล้วก็ไม่ยอมติดต่อกลับมาแต่อย่างใด พวกตนพยายามที่จะโทรศัพท์ไปหา ติดต่อทุกๆ ช่องทาง แต่ก็ยังติดต่อไมได้ เมื่อตรวจสอบดูเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็พบว่าได้ถูกนำไปกับนางแสงดาวไปหมดแล้ว

นางสถาพร ระบุด้วยว่า ปัญหาที่ตามมาคือ ไม่มีความสามารถที่จะดูแลเด็กทั้ง 3 คนได้ เนื่องจากตนเองก็ป่วยเรื้อรัง จึงขอให้นางแสงดาวกลับมารับลูกและดูแลพวกเขา ไม่ควรทอดทิ้งลูกๆ ไปเช่นนี้

ขณะที่ นางสาวนงลักษณ์ ผู้โพสต์ข้อความตามหาแม่ของเด็กๆ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนได้ไปแจ้งข้อมูลที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อขอให้ช่วยติดตามค้นหามารดาของเด็ก เจ้าหน้าที่กลับบอกว่า “ทำไมไม่เลี้ยงเอง” ก่อนที่จะออกเอกสารให้ฉบับหนึ่ง เพื่อให้ไปติดต่อกับสำนักงานโทรศัพท์มือถือค้นหาที่อยู่ของแม่เด็กเอาเอง แต่เอกสารนั้นกลับไม่สามารถใช้การอะไรได้

“พยายามติดต่อกับแม่เด็กทุกช่องทาง แต่ไม่ยอมตอบกลับมา และได้ติดต่อไปที่ญาติของแม่เด็กทั้ง 3 คนในจังหวัดพัทลุง ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่รับผิดชอบใดๆ และไม่ยอมรับเด็ก หากไม่เลี้ยงก็ให้เอาไปทิ้งที่สถานสงเคราะห์ ซึ่งทางนี้ต้องพยายามแก้ไขปัญหา แต่ขอทำความเข้าใจว่าการโพสต์เฟซบุ๊กออกไปนั้น ไม่ได้ต้องการสิ่งของบริจาคหรือเงินบริจาคใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่ต้องการตามตัวให้แม่ของเด็กๆ ให้กลับมาดูแลลูกเท่านั้นเอง” นางสาวนงลักษณ์กล่าว