แชร์สนั่น "พลทหารลือชานนท์" สมัครเป็นทหาร ตายมีเงื่อนงำในค่ายทหาร
"พลทหารลือชานนท์" ชื่อที่โซเชียลมีเดียกำลังให้ความสนใจ หลังตกตึกเสียชีวิตภายในค่ายทหาร แต่ญาติยังแคลงใจ เพราะผลชันสูตรศพไม่ตรงกัน ซ้ำยังมีปมขัดแย้งกับรุ่นพี่ในค่าย
จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก บิ๊กเกรียน ได้โพสต์เรื่องราวของ พลทหารลือชานนท์ อายุ 22 ปี ที่เสียชีวิตลงอย่างมีเงื่อนงำ ระหว่างเข้ารับราชการทหารเกณฑ์ด้วยความสมัครใจได้ 11 เดือน แต่ต่อมาค่ายกองพันทหารสารวัตร สำนักกองบัญชาการ กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ระบุว่า พลทหารได้พลัดตกจากอาคารลงมาเสียชีวิต
ทั้งนี้ยังมีข้อมูลว่าข้อมูลต่างๆ ที่ทางค่ายทหารแจ้งกับญาติหลายคนต่างไม่ตรงกัน บางคนได้รับแจ้งว่าหลับไปเฉยๆ หรือไหลตาย บางคนก็ทราบว่าไฟฟ้าช็อตเสียชีวิต แต่ข้อมูลทางค่ายทหารแจ้งกับพ่อของพลทหารคือพลัดตกลงมาจากอาคาร แต่ผลการชันสูตรศพพบว่า พลทหารมีร่องรอยถูกกระแทกด้วยของแข็ง
ขณะที่เมื่อวานนี้ (22 พ.ค.) ญาติของพลทหารลือชานนท์ ได้เดินทางไปรับร่างกลับบ้านเกิดที่ จ.ศรีสะเกษ โดยระบุข้อความว่า...
"กลับสู่บ้านเกิดนำลูก อาไม่ได้ต้องการแบบนี้ ขอบใจระยะเวลาที่มีชีวิตอยู่ด้วยกัน เชื่อฟังเป็นเด็กดีของอามาตลอด "ลือชานนท์" ชื่อนี้จะอยู่ในความทรงจำดีๆ ของพ่อแม่พี่น้องปู่ย่าน้าอา...ตลอดไป"
ล่าสุด นายคำแพง พ่อของพลทหารลือชานนท์ ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทยพีบีเอส ถึงประเด็นการสูญเสียลูกชายในครั้งนี้ โดยเจ้าตัวและญาติๆ ก็คงแคลงใจเกี่ยวกับประเด็นการเสียชีวิตของลูก เพราะมีข้อมูลบางอย่างที่ยังรู้สึกไม่ชอบมาพากล
นายคำแพง กล่าวว่า ค่ายกองพันทหารสารวัตรฯ ได้แจ้งกับตนว่าลูกชายถูกไฟฟ้าช็อตและพลัดตกลงมาจากตึกชั้น 6 และร่วงมาค้างอยู่ที่ชั้น 2 ทำให้สันนิษฐานว่า ลูกชายพยายามปีนบันไดลิงและจะเข้าโรงนอนที่ชั้น 6 ผ่านทางช่องหน้าต่าง แต่โดนไฟฟ้าช็อตเสียก่อน ทำให้ร่างร่วงตกลงมา แต่กว่าจะพบศพและแจ้งให้ญาติๆ ทราบก็ผ่านไปถึง 3 วันแล้ว
อีกทั้งทางค่ายยังจัดแจงสถานที่ทำพิธีฌาปนกิจศพให้ที่วัด โดยไม่ต้องนำศพกลับบ้าน เพราะอ้างว่าศพเริ่มเน่าเปื่อยแล้ว และทางกองทัพจะเป็นผู้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ทำให้ครอบครัวต่างสงสัยว่าเหตุใดถึงไม่ให้ทางญาติๆ เป็นผู้จัดการดูแลเรื่องงานศพกันเอง
และยิ่งตอกย้ำความแคลงใจในประเด็นการเสียชีวิตของพลทหาร เพราะผลชันสูตรออกมาว่า "กระดูกสันหลังส่วนอกท่อนที่ 3 หักเคลื่อน จากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก" ซึ่งดูขัดแย้งกับสาเหตุที่แจ้งมาในเบื้องต้นว่า พลทหารพลัดตกจากอาคาร
นายคำแพง ยังกล่าวต่อว่า ก่อนหน้าจะเสียชีวิตราวๆ 2 สัปดาห์ก่อน ลูกชายเพิ่งลากลับบ้าน และเล่าให้ฟังด้วยว่ามีปัญหากับรุ่นพี่ภายในค่าย อีกทั้งมีความพยายามจะเล่นงานให้ถึงตาย เวลาเข้านอนก็ต้องหลับๆ ตื่นๆ เพราะความระแวง หลังจากนั้นก็ได้เดินทางกลับเข้าค่ายไปเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยที่ลูกชายยังพูดทิ้งท้ายเอาไว้ว่า "พ่อดูหน้านนท์เอาไว้นะ เป็นครั้งสุดท้าย นนท์จะไม่มาให้พ่อเห็นหน้าอีกแล้ว"
คำพูดดังกล่าวยิ่งทำให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก พยายามติดตามโทรศัพท์หาลูกชายตลอดว่าเป็นอย่างไร กลับถึงค่ายดีหรือไม่ เมื่อทราบว่าถึงค่ายปลอดภัย และจากนั้น 2 สัปดาห์ต่อมา ก็ได้ทราบข่าวว่าลูกชายเสียชีวิตลงในค่ายทหาร
ทั้งนี้ นายคำแพง บอกว่า ลูกชายเป็นคนรักเพื่อนพ้อง เป็นคนเงียบๆ แต่ชอบเตะฟุตบอล สุขภาพก็แข็งแรงดี ทำให้ตัดสินใจเข้าสมัครรับราชการเป็นทหารเกณฑ์ หวังจะได้รับใช้ชาติ แต่ปรากฏว่าต้องมาเสียชีวิตลงแบบมีเงื่อนงำเช่นนี้