ศาลยกฟ้อง "สิบเอก" พ้นมลทินคดีรุมโทรมเด็ก 14 ตัดพ้อชีวิตพัง ไร้ที่ยืนในสังคม
เจ้าของเฟซบุ๊ก “Chonlakorn Phansaart Tent” โพสต์ข้อความร้องทุกข์ หลังตกเป็นผู้ต้องหาคดีรุมโทรม เด็กหญิงอายุ 14 ปี ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2558 แต่ล่าสุดศาลยกฟ้องแล้ว เนื่องจากไม่พบหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง
ส.อ.ชลกร พันธุ์สอาด ทหารสังกัด จ.พะเยา ระบุข้อความในเฟซบุ๊ก เล่าถึงข้อเท็จจริงคดีดังกล่าว ว่า เด็กหญิงอายุ 14 คู่กรณีนั้นตนไม่รู้จัก แต่รู้จักกับเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนั้นที่บ้านหลังนั้นได้ตั้งวงกินเหล้ากันอยู่แล้ว และเด็กผู้หญิงคนนี้ได้ขอให้เจ้าของบ้านไปรับแต่เจ้าของบ้านไม่มีรถ ตนก็เลยอาสาไปส่งเจ้าขอบ้านเพื่อรับเด็กมาร่วมวง ตนกับเจ้าของบ้านไปรับเด็กมาก็นั่งดื่มกันได้สักพักตนจึงขอกลับบ้าน แต่ไม่เคยรู้ว่าจะอายุแค่ 14 เพราะตัวใหญ่มาก
หลังจากนั้นตนก็ไม่ทราบอะไรเลยรู้อีกทีก็เป็นข่าวว่าไปข่มขืนรุมโทรมแล้ว ซึ่งในความจริงไม่มีใครข่มขืนสักคน ซึ่งผลนิติวิทยาศาสตร์ก็ไม่พบการล่วงละเมิดทางเพศ และการถูกข่มขืน
ส.อ.ชลกร ระบุด้วยว่า มีสื่อบางสำนักนำเสนอข่าวว่า ตนกับพวกรับสารภาพว่าได้กระทำการข่มขืนจริง ผลนิติวิทยาศาตร์พบว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศจริง และเสพยาเสพติด แต่ความจริงตรงกันข้าม ตนไม่เคยเจอนักข่าว และปฎิเสธตลอดตั้งแต่ชั้นจับกุมจนถึงศาลฎีกา ตอนนี้ศาลฎีกาพิพากษาว่าตนไม่มีความผิดในการข่มขืน ยกฟ้อง และออกจากเรือนจำมาเมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ชีวิตสูญเสียหมดแล้วทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงของตัวเองและครอบครัว ชื่อเสียงของคนที่รัก เสื่อมเสียชื่อเสียงสถาบันทหาร อันเป็นสถาบันที่มีเกียรติ สูญเสียลูกและเมีย สูญเสียเงิน ทรัพย์สิน สูญเสียอนาคต มีหนี้สิน ครอบครัวลำบากมากๆ รวมไปถึงสภาพจิตใจ ตอนเข้าไปอยู่ในเรือนจำถูกปาดคอเกือบตาย พอออกมาก็ถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นคนเลว ออกจากคุกมาไม่มีใครบอกว่าเป็นคนดีหรอก
ตนสู้คดีชนะก็รู้แค่ตัวเองกับพวก แต่คนอื่นเขาไม่มาถาม เขาจะถามแค่ว่า "ปล่อยตัวแล้วเหรอ" ซึ่งการปล่อยตัวกับการชนะคดีมันต่างกัน ตอนนี้ตนไม่มีที่อยู่ในสังคม และอายมาก จึงต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม