หนุ่มไทยงานเข้า ตม.ไม่ให้เข้าสิงคโปร์ เพราะพาสปอร์ตมีตราปั๊มแมวน้ำอุ๋งอุ๋ง

หนุ่มไทยงานเข้า ตม.ไม่ให้เข้าสิงคโปร์ เพราะพาสปอร์ตมีตราปั๊มแมวน้ำอุ๋งอุ๋ง

หนุ่มไทยงานเข้า ตม.ไม่ให้เข้าสิงคโปร์ เพราะพาสปอร์ตมีตราปั๊มแมวน้ำอุ๋งอุ๋ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อุทาหรณ์เกี่ยวกับพาสปอร์ตมาอีกกรณี หลังหนุ่มไทยคนหนึ่งไปสิงคโปร์เป็นครั้งที่ 5 แต่โดนปฏิเสธให้ผ่านด่านและส่งตัวกลับ เพราะพาสปอร์ตมีตราประทับแปลกปลอมอยู่

หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ก่อนมีอุทาหรณ์เตือนใจขาเที่ยวชาวไทย เนื่องจากหญิงสาวคนหนึ่งและกรุ๊ปเที่ยวไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าพื้นที่ไต้หวันได้ เนื่องจากหนังสือเดินทางมีตราประทับสิ่งแปลกปลอม เป็นตราปั๊มรูปคิตตี้อยู่หน้าสุดท้ายของพาสปอร์ต กลายเป็นประเด็นที่พูดถึงในสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก ChangTrixGet ก็ได้แชร์เรื่องราวอุทาหรณ์อีกกรณีมาเตือนใจนักท่องเที่ยวชาวไทยอีกครั้ง เป็นกรณีที่คล้ายกันแต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนละท้องที่ คราวนี้เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินทางไปประเทศสิงคโปร์ แต่ปรากฏว่าในหนังสือเดินทางของเขา มีตราปั๊มรูปแมวน้ำประทับเอาไว้อยู่ เขายอมรับว่านี่เป็นบทเรียนราคาแพงที่สุดของการเดินทาง

เจ้าของเรื่องราวดังกล่าวเปิดเผยว่า ได้เดินทางไปประเทศสิงคโปร์ ด้วยสายการบินราคาประหยัดแห่งหนึ่ง ปกติเขาได้เดินทางไปๆ มาๆ ประเทศสิงคโปร์หลายครั้ง ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 5 แต่เกิดสิ่งไม่คาดคิดขึ้น เมื่อเดินเข้าด่าน ตม.สิงคโปร์ ทางเจ้าหน้าที่ได้เปิดเช็กเล่มพาสปอร์ต

>> สาวแชร์เป็นอุทาหรณ์ อดเข้าไต้หวัน เพราะพาสปอร์ตมีตราปั๊มรูปการ์ตูน

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็หันมาถามว่า ตราประทับนี้คืออะไร จึงตอบกลับไปว่า เป็นทริปล่าสุดที่เพิ่งไปอควาเรียมที่เมืองโอซากะ ประเทศญี่ปุ่น ที่นี่จะมีตราปั๊มเอาไว้ใช้เช็กอิน และเคยเห็นนักท่องเที่ยวจากที่อื่นๆ ก็ปั๊มตรานี้ลงเล่มพาสปอร์ตกันทั้งนั้น จึงได้ทำการปั๊มลงเล่มของตัวเองบ้าง

แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ ตม.สิงคโปร์ ได้พิจารณาและไม่อนุญาตให้ผ่านด่านไปได้ และแจ้งว่าจะส่งกลับเมืองไทย ก่อนจะพาไปห้องรอส่งตัว ที่มีเพียงน้ำเปล่า เตียงนอน ห้องน้ำ กับเปิดหนังให้ดูรอไป 6 ชั่วโมง ก่อนจะถูกส่งตัวกลับบ้าน

นอกจากนี้ เจ้าของเรื่องราวดังกล่าวยังบอกเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ให้วางประทับนิ้วแค่นิ้วโป้ง 2 ข้าง แต่คนอื่นๆ ที่โดนส่งกลับจะประทับนิ้ว 10 นิ้วกับถ่ายรูปเอาไว้ ไม่รู้ว่าเป็นกรณีที่ต่างกันอย่างไร อีกทั้งได้ยินว่าทางสิงคโปร์น่าจะแบล็กลิสต์ชื่อเอาไว้ ไม่ให้เข้าประเทศ 2 ปี และได้ถามเจ้าหน้าที่ทางไทย ระบุว่า กรณีนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละคน เพราะไม่ได้เป็นความผิดที่ร้ายแรง

และหลังจากที่เรื่องดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่างๆ นานาเป็นจำนวนมาก หลายคนยังยืนยันว่า หนังสือเดินทางก็คือเอกสารทางราชการที่ควรจะเก็บรักษาให้ที่ดีที่สุด และไม่สมควรจะนำตราประทับอื่นๆ ที่ไม่ใช่สัญลักษณ์การเข้า-ออกผ่านแดนระหว่างประเทศติดลงไปในนั้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook