ผวาทั้งดอยอินทนนท์! คลิปกระบะขับตามจี้-ควงมีดชี้หน้าด่า "ปาดคอทิ้งเสียดีไหม"

หนุ่มโพสต์เตือนภัย คลิปวงจรปิดชัดเจอโชเฟอร์สุดกร่างขับกระบะจี้ช่วงกลางคืนบนถนนเส้นดอยอินทนนท์ระหว่างกลับบ้านที่แม่แจ่ม จนต้องจอดหน้าด่านตรวจอุทยานฯ แต่ยังควงมีดดาบตามมาขู่ซ้ำจะปาดคอทิ้ง 

จากกรณีที่โลกออนไลน์มีการโพสต์เตือนภัยจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอ พร้อมระบุว่า "มาเตือนคนใช้ถนนเส้นอินทนนท์-แม่แจ่ม เดินทางกลางคืนก็ระวังหมาป่าด้วย ถึงมืดห้ามเปิดไฟ เพราะถ้าเปิดไฟคุณจะเจอแบบนี้

จอดหลีกทางให้แล้วยังแว้งกัดอยู่ แสดงนิสัยนักเลงแบบนี้ ถ้าเจอนักเลงด้วยกัน กลายเป็นผีข้างถนนแน่ ในภาพถึงจับทะเบียนรถไม่ได้ แต่จำทะเบียนรถได้ เรื่องเกิดขึ้นวันที่ 15/05/62 เวลา 20.50 น. ดูให้ดีๆ ถือมีดพูดแล้วพูดเหมือนถนนเส้นนี้พ่อแม่มันสร้างให้มันใช้คนเดียว ปล.ที่แท็กเพราะไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับคนอื่น”

คลิปดังกล่าวเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณด่านอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีรถกระบะสองคันจอดอยู่ และคันหลังเป็นรถกระบะมีโครงเหล็กสูงเหมือนกับรถบรรทุกผักทั่วๆ ไป มีชายคนหนึ่งเปิดประตูรถลงมาในมือถือมีดดาบยาว เดินปรี่เข้าไปหาคนขับรถกระบะคันหน้า พร้อมชี้ไม้ชี้มือพูดเอะอะโวยวาย แล้วเดินกลับมาขึ้นรถขับออกไป

 

ล่าสุด วันนี้ (26 พ.ค.) จากการตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าว นายทอม (นามสมมติ) ชาวอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงเหตุการณ์ว่า ตัวเองมีอาชีพปลูกผักอินทรีย์เกษตร ในคืนเกิดเหตุกำลังขับรถกลับบ้านที่อำเภอแม่แจ่มจากไปการทำธุระที่อำเภอจอมทอง ซึ่งในรถมีภรรยา ลูกน้อยและญาติๆ ที่มีเด็กรวมอยู่ด้วย

ระหว่างทางขึ้นดอยอินทนนท์ได้ขับรถแซงรถกระบะคันที่ปรากฏในคลิป แซงกันตามปกติ ปรากฏว่าคนขับรถกระบะที่ถูกแซงไม่พอใจ ขับไล่ตามพร้อมกับเปิดไฟสูง-ต่ำ สลับกันไปตลอดทาง แต่ตัวเองไม่กล้าจอดรถระหว่างทาง เพราะอยู่ในทางเปลี่ยวและมีคนอยู่ในรถหลายคนหวั่นเกรงอันตรายที่จะเกิดขึ้น

พอขับมาถึงด่านของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่คิดว่าปลอดภัยแล้ว จึงจอดรถปรากฏว่าชายคนขับรถดังกล่าวได้มาจอดด้านท้าย และคนขับเปิดประตูออกมาในมือถือมีดดาบ มีลักษณะมึนเมา ตรงปรี่มาที่รถของตนพร้อมกับชี้หน้าด่าต่างนานา

ทั้งยังพูดว่า "ปาดคอทิ้งเสียดีไหม" อย่างไม่หวั่นเกรงเจ้าหน้าที่อุทยานฯ แล้วเดินกลับมาขึ้นรถเอะอะโวยวายไปด้วย จากนั้นได้ขับรถมุ่งหน้าไปทาง อ.แม่แจ่ม ทางตัวเองจึงได้ขอเปิดดูกล้องวงจรปิดของทางอุทยานฯเพื่อเก็บหลักฐานไว้ดังกล่าว