กรมควบคุมมลพิษยืนยันอากาศแหลมฉบัง "พ้นวิกฤต" แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์เป็นระยะ
กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ยืนยันอากาศแหลมฉบังพ้นวิกฤต ประสานหลายหน่วยงานติดตามสถานการณ์
กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) โพสต์เฟซบุ๊กความคืบหน้ากรณีเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์บริเวณท่าเรือ A2 ท่าเรือแหลมฉบัง ยืนยัน สถานการณ์มลพิษทางอากาศกลับสู่ภาวะปกติแล้ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงจนอยู่ในสภาวะปกติได้ในช่วงเวลา 24.00 น. และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาบริษัท AKOil จะเข้ามานำน้ำและโฟมที่ใช้ดับเพลิงไปบำบัด
สำหรับผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในชุมชนโดยรอบท่าเรือแหลมฉบังเมื่อวานนี้ ช่วงเวลา 17.57 -18.36 น. ได้แก่ 1.บริเวณชุมชนบ้านา 2.จุดรวมพล วัดบ้านนา และ 3.บริเวณชุมชนแหลมฉบัง ตรวจไม่พบทั้งสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (Total VOCs) สารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) และก๊าซคลอรีน (CI2) ต่อมาเวลา 19.15 น. ได้เข้าตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณภายในท่าเรืออุตสาหกรรมแหลมฉบัง จำนวน 7 จุด ได้แก่ จุดท่าเทียบเรือ A1, A0, บริเวณป้อมยาม A0, B1-B2, B2-B3, B5 ตรวจไม่พบทั้งสารTotal VOCs สาร formaldehyde และ Cl2 มีเพียงจุดท่าเทียบเรือB3-B4 ตรวจพบสารformaldehyde อยู่ในช่วง 0-0.01 ppm Cl2 อยู่ในช่วง 0-0.1 ppm ซึ่งไม่เกินค่าขีดจำกัดการรับสัมผัสสารเคมีทางการหายใจแบบเฉียบพลันระดับ1และตรวจไม่พบ Total VOCs (ค่าขีดจำกัดการรับสัมผัสสารเคมีทางการหายใจแบบเฉียบพลันระดับ 1 กำหนดสารformaldehyde ไม่เกิน 0.9 ppm และสาร Cl2 ไม่เกิน 0.5 ppm) เบื้องต้นได้ให้คำแนะนำให้ผู้ปฏิบัติงานภายในพื้นที่ให้ใส่หน้ากากป้องกันสารดังกล่าว หรือหากมีอาการผิดปกติให้ไปพบแพทย์ทันที
อย่างไรก็ตาม คพ. จะร่วมกับ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 13 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชลบุรี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามตรวจสอบผลกระทบทางอากาศ และทางทะเลเป็นระยะ หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
>> เตือน "มลพิษทางอากาศ" หลังไฟไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ ท่าเรือแหลมฉบัง พบสารอันตราย
>> กรมควบคุมมลพิษ ยืนยันไฟไหม้ท่าเรือแหลมฉบัง ส่งผลกระทบกับสุขภาพ