จับตาคำตอบประชาธิปัตย์ ร่วม-ไม่ร่วมรัฐบาล หลังแกนนำ "ล่องหน" ขณะพลังประชารัฐเทียบเชิญ

เรียกได้ว่ามาตามนัดก็ว่าได้ หลังจากเมื่อวานนี้ (27 พ.ค.) แกนนำพรรคพลังประชารัฐยกขบวนขันหมากไปสู่ขอพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ที่เห็นปรากฏภาพจากทุกสื่อก็เป็นบุคคลระดับคีย์แมนของพรรคทั้ง อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และสมศักดิ์ เทพสุทิน ออกโรงขยับตัวเพื่อจังหวะก้าวดังกล่าว

>> พลังประชารัฐยกขันหมากสู่ขอประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล อุบใช้สินสอดกี่กระทรวง

>> พลังประชารัฐจีบภูมิใจไทยถึงที่! ยิ้มร่าร่วมรัฐบาล อนุทินอึกอักตอบขอบคุณธนาธร ที่ยังหวัง

ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ การเจรจาต่อรองเพื่อเข้าร่วมรัฐบาลของ 2 พรรคตัวแปรสำคัญคือ ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย นั้น จนถึงนาทีนี้พรรคหลังน่าจะ "นิ่ง" หรือถึงขั้น "ลงตัว" แล้ว เห็นได้จากจังหวะก้าวต่างๆ ผ่าน เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคที่ได้รับฉันทานุมัติให้เป็นผู้ประสานงานเจรจาต่อรองแต่เพียงผู้เดียวของพรรค ซึ่งเมื่อดูจากท่าทีต่างๆ ในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา หลายคนฟันธงตรงกันว่า พรรคภูมิใจไทยกระโดดเข้ามาร่วมวงไพบูลย์กับพรรคพลังประชารัฐในการจัดตั้งรัฐบาลแน่นอนแล้ว

แต่เมื่อหันไปมองที่ค่ายสีฟ้า กลับยังปรากฏร่องรอยความอึมครึมบางอย่างอยู่ สังเกตได้จากเมื่อวานนี้ช่วงสายๆ ที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐเดินทางไปยังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อทำการทาบทามให้เข้าร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ แต่ทว่าภาพที่ได้เห็นคือ เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิพรรค ธนา ชีรวินิจ นิพนธ์ บุญญามณี และอัศวิน วิภูศิริ ออกมาต้อนรับและพาคนสำคัญจากพลังประชารัฐเข้าไปปิดห้องคุยกัน 

หลายคนสงสัยว่าทำไม จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคป้ายแดง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคและว่าที่ประธานรัฐสภา ไปจนถึงแกนนำคนสำคัญอีกหลายต่อหลายคนจึงไม่ปรากฏตัวต้อนรับขบวนขันหมากจากพลังประชารัฐ ซึ่งมีการชี้แจงคำตอบที่ผ่านทางหน้าสื่อให้ได้รับทราบกันคือ หัวหน้าพรรคและอีกหลายคนติดภารกิจเตรียมตัวเพื่อเข้าร่วมพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่เพิ่งถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน กรณีนายชวนนั้น มีผู้สื่อข่าวหลายคนรายงานตรงกันว่านั่งทำงานอยู่บนชั้น 3 แต่ไม่ได้ลงมาต้อนรับ ซึ่งเป็นไปได้ว่านักการเมืองผู้คร่ำหวอดและแม่นในหลักการอย่างอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยน่าจะไม่อยากให้มีภาพปรากฏว่าบุคคลที่กำลังจะดำรงตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติเข้าร่วมเจรจาพูดคุยเพื่อตกลงในการเข้าร่วมเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายบริหาร เพราะอาจถูกนำไปเป็นประเด็นโจมตีถึงความเหมาะสมได้

อย่างไรก็ตาม การไม่ปรากฏตัวของแกนนำคนสำคัญของประชาธิปัตย์หลายคนในการรับเทียบเชิญจากพลังประชารัฐให้เข้าร่วมรัฐบาลก็สะท้อนภาพบางอย่างเช่นกัน เพราะในเวลาต่อมามีข่าวออกมาว่าวงเจรจาระหว่างทั้งสองพรรคมีประเด็นที่ยังติดขัดไม่ราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการที่ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และสมศักดิ์ เทพสุทิน สองแกนนำของพลังประชารัฐขอตัวกลับออกมาก่อนในระหว่างที่วงเจรจาเมื่อวานกำลังดำเนินอยู่ ซึ่งก็มีข่าวตามมาว่าพลังประชารัฐขอแลกโควตาบางกระทรวงกับประชาธิปัตย์

>> ปิดดีลไม่ลง พปชร.ขอแลก "รมว.ศึกษาธิการ" ให้ ปชป. ดึง "รมว.เกษตรฯ" กลับให้สามมิตร

จะว่าไปแล้ว ข่าวที่มีมาตลอดในช่วงหลังๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่เช้าวันเสาร์ที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่มีการใช้เกมชิงไหวชิงพริบลากยาวจนกว่าจะได้โหวตเลือกประธานกันในช่วงบ่าย ก็น่าจะเกิดมาจากการเจรจาต่อรองตำแหน่งต่างๆ ระหว่างพลังประชารัฐและประชาธิปัตย์ยังไม่ลงตัว

อีกหนึ่งอย่างที่อยากทิ้งท้ายเตือนความจำกันสักนิดคือ จนถึงเวลานี้ประชาธิปัตย์ยังไม่เคยประกาศอย่างชัดเจนแม้แต่ครั้งเดียวเลยว่าจะไปร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ โดยเฉพาะการเสนอชื่อ ชวน หลีกภัย เพื่อชิงตำแหน่งประธานสภาฯ ก็พยายามส่งเสียงออกมาตลอดว่าไม่เกี่ยวกับการจะไปร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ ไม่อยู่ในเงื่อนไขการเจรจา แม้ว่าความหวั่นเกรงว่าประธานสภาฯ จะเปลี่ยนชื่อนายกฯ ที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย แบบเมื่อคราว ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ เคยทำเมื่อหลายปีก่อน จะไม่เหลืออยู่แล้วในปัจจุบันเพราะรัฐธรรมนูญไม่เปิดช่องให้ทำได้

น่าสนใจว่าหลังจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ตำแหน่งประธานสภาฯ มาแล้ว จะใช้กลยุทธ์อะไรต่อไป หรือวางแผนอะไรเอาไว้หรือไม่ คงต้องรอคำตอบที่พรรคแจ้งว่าเย็นวันนี้จะมีการประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคกับ ส.ส.ของพรรค เพื่อพิจารณาว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ (หากไม่ดึงเกมหรือซื้อเวลาออกไปอีก)

>> ประชาธิปัตย์ ยังกั๊ก รอถกพรรคปมร่วมรัฐบาล โฆษกบอกต้องรอบคอบ

ที่สุดแล้วไม่ว่าค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผมจะมีมติพรรคอย่างเป็นทางการออกมาอย่างไร จะเลือกทางใด ก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อพรรคไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างแน่นอน...