ร้านพิซซ่านิวยอร์ก คืนเช็ค 13 ล้านลูกค้าที่ลืมไว้ แม้โดนเหวี่ยงปมรูปถ่ายข้างฝามีผู้หญิงน้อย
นายอาร์แมนโด มาร์คัจ วัย 27 ปี เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายอัลบาเนียผู้กำลังศึกษาวิชาแพทย์ศาสตร์ได้ทำงานเป็นบริกรที่ร้านแพทซี่พิซซาในเขตอีสต์ฮาเลม นครนิวยอร์กได้ 7 ปี แล้วเพื่อหารายได้ส่งตัวเองเรียนหนังสือ
ร้านแพทซี่พิซซานี้ มีชื่อเสียงในการอบพิซซ่าด้วยเตาถ่านและเป็นต้นแบบพิซซาแป้งบาง ซึ่งมีนายแฟรงค์ บริจา อายุ 63 ปี ชาวอเมริกันเชื้อสายอัลบาเนีย เป็นเจ้าของและเปิดสาขาหลายสาขาในนครนิวยอร์ก
เมื่อวันเสาร์ ที่ 4 พ.ค. นี้เอง นางคาเรน ไวนาคัวร์ อายุ 79 ปี นักสังคมสงเคราะห์เกษียณอายุแล้วกับลูกสาว เข้ามารับประทานพิซซาที่ร้านแพทซี่พิซซา ซึ่งตกแต่งร้านด้วยรูปถ่ายบุคคลสำคัญที่เข้ามารับประทานพิซซ่าอยู่เต็มฝาผนังของร้าน
นางคาเรนถามนายอาร์แมนโดบริกรว่า ทำจึงมีรูปสุภาพสตรีอยู่ที่ฝาผนังร้านน้อยมาก นายอาร์แมนโดตอบว่า คงเป็นเพราะสุภาพสตรีไม่ค่อยมากินพิซซาร้านนี้ ทำให้ลูกสาวและนางคาเรนไม่พอใจจึงเขียนลงไปที่ใบเสร็จรับเงินว่าตามปกติสุภาพสตรีไม่ให้ทิป (ทิปเป็นประเพณีในสหรัฐอเมริกาที่มักจะเป็นเงิน 20% ของค่าอาหารให้กับบริกรเมื่อรับประทานอาหารตามร้านที่มีบริกรซึ่งบริกรจำนวนจะเป็นนักศึกษามารายได้พิเศษเพื่อนำไปใช้ขณะกำลังศึกษาอยู่ เนื่องจากค่าแรงงานของบริกรในร้านอาหารมักจะต่ำมากนั่นเอง)
เมื่อนายอาร์แมนโดมาเก็บทำความสะอาดโต๊ะอาหารที่คาเรนและลูกสาว ก็พบซองจดหมายมีตราธนาคารวางทิ้งอยู่บนโต๊ะโดยไม่มีเงินทิป เขาเปิดซองจดหมายที่ไม่ได้ผนึกซองพบว่าเป็นเช็คเงินสดมูลค่า 424,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 13 ล้านบาท) อยู่ ซึ่งใครก็สามารถนำเช็คเงินสดนี้ไปขึ้นเงินได้เนื่องจากไม่ได้ระบุชื่อเจ้าของไว้บนเช็คเงินสดนั้น
แต่อาร์แมนโดรีบวิ่งตามออกไปนอกร้านเพื่อเอาซองเช็คเงินสดไปคืน แต่ก็ไม่พบสองแม่ลูกเสียแล้ว เขาจึงเอาซองเช็คเงินสดจำนวนมหาศาลนั้นมาให้นายแฟรงค์ บริจา เจ้าของร้านเพื่อที่จะคืนให้กับเจ้าของต่อไป
ปรากฎว่านางคาเรนเพิ่งนึกได้ว่าลืมเช็คเงินสดที่ได้มาจากการขายอะพาร์ตเมนต์ของเธอเพื่อที่จะเอาไปวางมัดจำค่าคอนโดใหม่และเอาไปใช้หนี้ค่าเล่าเรียน ที่ลูกสาวกู้เงินมาเรียนหนังสือ จึงพยายามที่จะขอให้ทางธนาคารยกเลิกเช็คเงินสดนั้นเสีย แต่ทางธนาคารปฏิเสธเธอจึงพยายามติดตามทบทวนสถานที่ที่เธอและลูกสาวไปในวันนั้น รวมทั้งโทรศัพท์ไปที่ร้านแพทซี่พิซซาด้วย แต่โทรศัพท์ไปผิดสาขาจึงเป็นทุกข์ใจอย่างมากเพราะจะทำให้เธอล้มละลายได้เลยทีเดียว
ในที่สุดทางร้านแพทซี่พิซซาคอยอยู่หลายวันจึงติดต่อไปที่หนัวสือพิมพ์ท้องถิ่นจนกระทั่งสามารถหาเบอร์โทรศัพท์ของคาเรนได้จึงโทรศัพท์ไป คาเรนขึ้นแท็กซี่มาที่ร้านภายใน 20 นาทีและได้รับเช็คเงินสดเจ้ากรรมนั้นคืน เธอจึงขอโทษนายอาร์แมนโดที่ไม่ให้ทิปและพยายามที่จะชดเชยค่าทิปให้ แต่อาร์แมนโดไม่ยอมรับและบอกว่าเขาดีใจที่ได้คืนเช็คเงินสดจำนวนมหาศาลนี้ให้แก่เจ้าของเพราะเขาเชื่อในกฎแห่งกรรม
ส่วนนายแฟรงค์ บริจา ถ่ายรูปนางคาเรนไว้ เพื่อประดับฝาผนังของร้านแพทซี่พิซซาในวันต่อมา