เปิดใจ "ส.จ.โจ้" ลูกบุญธรรมป๋าเปรม ชีวิตแสนโชคดีที่ได้ผูกพันกับท่าน
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษและอดีตประธานองคมนตรี นับเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ชาติไทย มีความผูกพันกับ จ.นครราชสีมา เป็นอย่างมาก ท่านเคยดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 คนที่ 14 ระหว่างปี พ.ศ. 2517-2520 หลังจากนั้นก็มีเส้นทางชีวิตในตำแหน่งสำคัญมากมาย แมม้ว่าท่านจะมีตำแหน่ง ภาระหน้าที่มากมาย ในอีกมุมหนึ่งของชีวิต ท่านก็มีชีวิตเป็นคุณปู่ธรรมดาๆ ของลูกหลานเหมือนคนทั่วไป
โดยเฉพาะกับครอบครัวหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ถือเป็นครอบครัวที่มีความผูกพันกับ พล.อ.เปรม เป็นอย่างมาก บริเวณตึกแถว 3 ชั้นครึ่ง ในตัวเมืองนครราชสีมา เป็นที่พักอาศัยของครอบครัวพฤกษ์พนาเวศ โดยมี นายองอาจ พฤกษ์พนาเวศ อายุ 48 ปี บุคคลที่ พล.อ.เปรม รักและเอ็นดูเหมือนลูกบุญธรรม ได้พาเข้าไปดูภายในบ้าน
แต่ละจุดจะมีภาพถ่ายครอบครัวกับ พล.อ.เปรม อยู่นับไม่ถ้วน ใส่กรอบรูปประดับตามมุมต่างๆ ของบ้านอยู่เป็นจำนวนมาก ภายในบ้านเป็นไปโดยเรียบง่ายสไตล์คนไทยเชื้อสายจีนทั่วไป โดยมี นางนงลักษณ์ พฤกษ์พนาเวศ วัย 72 ปี ผู้เป็นแม่มาคอยให้การต้อนรับ
นายองอาจ หรือที่คนโคราชรู้จักกันในนาม ส.จ.โจ้ อดีต ส.อบจ.นครราชสีมา เล่าให้ฟังว่า ตนได้รู้จักกับ พล.อ.เปรม ตั้งแต่เด็กๆ ในฐานะที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้มีความใกล้ชิดกับท่าน จนกระทั่งเมื่อปี 2544 ขณะนั้นคนจัดทำอาหารของท่านเสียชีวิตลง ท่านจึงหาคนจัดทำอาหารคนใหม่
ถือเป็นความโชคดีของตน ที่ขณะนั้นครอบครัวประกอบธุรกิจโรงแรมราชพฤกษ์ ซึ่งมีความถนัดด้านบริการอาหารอยู่แล้ว จึงอาสาเข้าไปทำให้ท่าน ปรากฏว่าอาหารถูกปาก ถูกใจท่านมาก ต่อมาท่านจึงเรียกตนเข้าพบ และบอกว่าต่อจากนี้ไปขอให้มาดูแลเรื่องอาหารให้ท่านประจำเลย และท่านบอกว่าให้เรียกท่านว่า “ปู่” แทนตัวท่าน เพราะให้ถือว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
หลังจากนั้น ทุกครั้งที่ท่านมาเยือนโคราช ก็จะมาเยี่ยมครอบครัวของตนเป็นประจำ โดยท่านชอบมาแบบส่วนตัวเงียบๆ ไม่มีทหารติดตามมากมายเหมือนคนสำคัญระดับประเทศทั่วไป ท่านชอบมาเล่นกับหลานๆ บางครั้งก็เรียกครอบครัวเข้าไปพบในบ้านของท่านในตัวจังหวัด
ส่วนตนนั้นเคยมีโอกาสใกล้ชิดกับท่าน บ่อยครั้งที่ท่านเรียกให้ตนขับรถไปรับที่บ้าน เพื่อขับพาไปวิ่งชมเมืองโคราชตามจุดต่างๆ พร้อมกับถามไถ่ถึงเหตุบ้านการเมืองของโคราชว่าเป็นอย่างไรบ้าง ตนก็เล่าให้ฟังทุกเรื่องที่รู้ให้ท่านฟัง แม้แต่ตอนที่ตนแต่งงาน พล.อ.เปรม ก็ได้เขียนคำอวยพรด้วยลายมือลงในแผ่นกระดาษเล็กๆ ให้ มีใจความว่า “ขอให้โจ้และภรรยา มีความสุข และสมปรารถนาทุกอย่าง” พร้อมลายเซ็น ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2549 ตนยังนำมาใส่กรอบรูปเก็บเอาไว้
กระทั่งช่วงที่ตนได้ลงสมัครสมาชิกสภาเทศบาลนครนครราชสีมา ท่านก็ยังแนะนำไม่อยากให้ตนเล่นการเมือง อยากให้ทำธุรกิจไปเหมือนเดิมจะดีกว่า แต่เมื่อเห็นความตั้งใจของตนแล้ว ท่านก็บอกว่า ถ้าอยากจะเล่นการเมืองจริงๆ ก็ต้องยึดถือคติที่ว่า “ถ้าเล่นการเมืองอย่างจริงจัง ก็ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน” ซึ่งคำนี้ตนก็ได้ยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด
ขณะเดียวกันอีกมุมที่คนให้ความสนใจมาก คือเรื่องของการรักษาสุขภาพของท่าน เพราะท่านถือว่าเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงดีมาก จนอายุยืนถึง 99 ปีแล้ว ยังสามารถยืนตัวตรงเป๊ะ ซึ่งเรื่องนี้ตนก็พยายามสังเกตมาตลอด ท่านเป็นคนที่แม้จะอายุมากแล้ว แต่ความจำแม่นมาก รู้ว่าคนนี้ชื่ออะไร มีพ่อเป็นทหาร ตำรวจ ยศไหน จำได้หมด
เคล็ดลับของท่านตนเชื่อว่ามาจากการรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย โดยท่านชอบรับประทานอาหารง่ายๆ ไม่หรูหรา เช่น ปลาต้ม ปลานึ่ง น้ำพริกไม่เผ็ด ผักต้ม ขนมข้าวฟ่าง ยำส้มโอ ส่วนการออกกำลังกาย ตอนท่านแข็งแรงก็ชอบตีกอล์ฟ แต่พออายุมากขึ้นก็จะชอบเดินออกกำลังกายแทน
เมื่อถามถึงความรู้สึก หลังจากที่ท่านถึงแก่อสัญกรรมไป ตนเองทราบข่าวก็รู้สึกเศร้าใจมาก เพราะท่านคือคนสำคัญระดับชาติ คนในประวัติศาสตร์ที่วางตัวติดดินมาก ท่านเคยสั่งสอน ติติงตนหลายอย่าง แต่มาวันนี้ท่านไม่อยู่แล้ว ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก เหมือนกับสูญเสียคุณปู่ บุคคลในครอบครัวไปตลอดกาล
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ