กอ.รมน.ภาค 4 แจงเหตุปะทะบ้านกาตองหวั่นถูกบิดเบือน ปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชัง

กอ.รมน.ภาค 4 แจงเหตุปะทะบ้านกาตองหวั่นถูกบิดเบือน ปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชัง

กอ.รมน.ภาค 4 แจงเหตุปะทะบ้านกาตองหวั่นถูกบิดเบือน ปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชัง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงชี้แจงเหตุปะทะบ้านกาตอง อ.ยะหา จ.ยะลา หวั่นถูกบิดเบือนให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด

จากกรณีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย ในพื้นที่หมู่ 4 ต.กาตอง อ.ยะหา จ.ยะลา เมื่อ 27 พ.ค. 2562 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คนร้ายระดับแกนนำ มีหมายจับ ป.วิอาญา 6 หมาย ถูกวิสามัญเสียชีวิตโดยในขณะเจรจาได้เกิดเพลิงไหม้บ้านหลังเกิดเหตุเสียหายทั้งหลัง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ซึ่งภายหลังเกิดเหตุได้มีความพยายามเสนอข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง กล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ และจุดไฟเผาทำลายหลักฐาน รวมทั้งได้ขโมยเงินสดและทองคำของเจ้าของบ้านไปจำนวนมาก โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2562 ส.ส.ยะลา ท่านหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กและให้สัมภาษณ์ผ่านทีวีช่องหนึ่ง ชี้นำให้สังคมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุและเป็นต้นเหตุทำให้เกิดไฟไหม้บ้านหลังดังกล่าว

ล่าสุด พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ออกมาเปิดเผยชี้แจงข้อเท็จจริงว่า การเข้าบังคับใช้กฏหมายในพื้นที่ดังกล่าวเป็นไปตามภาพข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้ายวางแผนเตรียมก่อเหตุขนาดใหญ่ในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฏอน

โดยเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุและได้ประสานผู้นำชุมชนได้รับทราบเพื่อร่วมเจรจากับกลุ่มคนร้าย ทั้งนี้ ได้ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักโดยได้เชิญบุคคลในบ้านออกมาเจ้าของบ้านออกมาและเจ้าหน้าที่พร้อมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจึงได้เข้าไปตรวจสอบภายในบ้านและได้ถูกคนร้ายระดมยิงใส่จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย จึงให้ผู้นำศาสนามาช่วยเจรจาอีกรอบ กว่า 1 ชั่วโมงแต่ไม่เป็นผล ในระหว่างนั้นได้เห็นกลุ่มควันบริเวณด้านหลังทางซ้ายของบ้านก่อนลุกไหม้อย่างรวดเร็วจึงได้เรียกรถดับเพลิงเข้ามาควบคุมเพลิงไว้ได้

สำหรับการออกมาเคลื่อนไหวของ ส.ส.ยะลา ควรดำเนินการด้วยความระมัดระวัง และตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน เพราะมิเช่นนั้นอาจตกเป็นแนวร่วมมุมกลับของกลุ่มขบวนการที่อาจทำให้เจ้าหน้าที่รัฐได้รับความเสียหาย พร้อมขอให้กลุ่มองค์กรต่างๆ เคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวัง ภายใต้ข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านและไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังดังที่ปรากฏในห้วงที่ผ่านมา ซึ่งอาจจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook