สัญญาณหืดจับ "ประยุทธ์ 2" เตรียมตัวเจอด่านยากในสภา

ในจังหวะที่รัฐสภาได้ฤกษ์โหวตตั้งนายกรัฐมนตรี ที่ข้างหนึ่งส่ง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ชิงชัยไปต่อ อีกฝ่ายส่ง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าอนาคตใหม่ที่ติดชนักคดีมาท้าชิง แต่บรรยากาศก่อนการประชุมไม่กี่ชั่วโมงก็เป็นอะไรที่ดูท่าจะลำบากในกาลข้างหน้าสำหรับ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ในที่สุดก็ตัดสินใจร่วมหอลงโรงกับ “รัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ” สนับสนุน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกรัฐมนตรี อันเป็นการกลับจากมติพรรคเดิมช่วงหาเสียงเลือกตั้ง จนทำให้บรรดาคนรุ่นใหม่ กลุ่มนิวเด็ม นำโดย “ไอติม” ทยอยกันเดินพาเลดโบกมือบ๊ายบาย ลาออกจากพรรคไปอย่างน่าเสียดาย

ตามมาด้วยการแถลงจุดยืนของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตหัวหน้าพรรค ลาออกจาก ส.ส. โดยไม่รับข้อเสนอของพรรคที่ให้ฟรีโหวต เพราะรับไม่ได้ที่จะต้องฝืนกับจุดยืนอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถือเป็น “เสาหลัก” การเมืองระบอบประชาธิปไตยมาตลอด 73 ปี เป็น “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ถึงวันนี้ดีเดย์ต้อง เข้าไปอยู่ในแถวของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” ตามความคาดหมายของหลายฝ่าย แม้จะเป็นวันโหวตตั้งนายกที่เอาเข้าจริงลำพังเสียงที่ฝ่าย พปชร. มีเมื่อมารวมกับ 250 สว. ก็เกินไปจากครึ่งรัฐสภาอยู่แล้ว ถึงเกิดการดึงเกมกันมาหลายจังหวะ จนมาถึงการ ประกาศพรรคร่วมรัฐบาล โดยไม่มี ปชป. และภูมิใจไทยวันก่อน พร้อมกับข่าวการตั้งเงื่อนไข “ล้างข้อตกลงเก่า” ที่อ้างว่า มาจาก “ผู้ใหญ่” แถวค่ายทหาร ที่ “เปย์หนัก” เกินไปจนไปกระทบโควต้าของ “กลุ่มสามมิตร” ทำเอา “ขันหมากล่ม” เพราะคณะที่ไปสู่ ขอ ปชป. ไม่รู้ว่า “สินสอด” จะแพงเกินขนาดนั้นแถมมาควักจากกระเป๋าพวกตัวเองด้วย

จนเป็นที่มาของความเคลื่อนไหวอย่างหนักภายในพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะจาก “กลุ่มสามมิตร” ที่มีข่าว “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ขู่ถึงขั้นจะยกพวก 30 คนออกจาก พปชร. กระทั่งมีข่าว “บิ๊กตู่” ต้องลงมาเล่นเองให้ล้างใหม่หมด โยนเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคเคาะตัดสิน แถมปล่อยข่าวทำนอง เมื่อตั้งนายกฯแล้ว “นายกฯ” จะดูอีกที “จนกระทั่งสรุปออกมาเป็นภาพ” ไม่รอแล้วนะ ของ พปชร. วันวานและก็ตามมาด้วยการตัดสินใจเป็นมติของพรรคประชาธิปัตย์ที่เสียงของผู้คนฝั่ง “ลุงกำนัน” เพิ่มขึ้นมามากกว่าและเอาชนะไปได้ 61 จาก 80 ก่อให้เกิดเสียงบ่นก่นว่าพรรคประชาธิปัตย์ตลอดคืนที่ผ่านมาถึงเช้าท่ามกลางการทยอยโพสต์เฟซบุ๊กของกลุ่ม “นิวเด็ม” ลาออกจากพรรค ก่อนที่จะปิดท้ายด้วย “อภิสิทธิ์”

ทั้งหมดทั้งมวลจากสภาพเปิดช่องซักฟอกชิมลางวันนี้ที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ นั่งชมอยู่ข้างนอกห้องประชุมสภาฯ ที่ก็คงไม่ต้องลุ้นแบบนอนมาว่าเป็นนายกฯ แต่ถ้าระยะยาว แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่พยายามแสดงตนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง แต่สภาพการณ์เมื่อนายกฯ มีผล ครม. มีผล อำนาจ คสช. มีผลสิ้นสภาพลายมนตร์เมื่อใด ก็น่าติดตามดูชมไม่น้อยกับสภาพการเมือง

โดยเฉพาะ “เวทีเชือด” ในสภาฯ ที่แม้เสียงจะพ้น 250 พ้นจาก “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” มาได้แต่ก็ “ปริ่มน้ำ” ที่แม้จะมีผลกระทบกับ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และพรรคอนาคตใหม่เป็น “ตัวแปรพลิกผัน” ถัดไปแต่กาลข้างหน้าทั้ง “ศึกใน” พรรคร่วมรัฐบาลและใน พปชร.และ “ศึกนอก” ขั้วการเมืองตรงข้ามที่หมิ่นเหม่ทุกจังหวะ ซึ่งต้องมีการบริหารจัดการให้ลงตัว ก็ไม่ใช่ว่าจะง่ายนัก โดยเฉพาะด่านที่ “พล.อ.ประยุทธ์” จะต้องอดทนอย่างหนัก และก็ไม่รู้จะทนได้ครบยกหรือไม่ คือการเข้ามานั่งฟัง “นักการเมือง” รุมยำในสภาในอีกหลายยกต่อจากนี้