หนุ่มช็อกตาเหลือก! ขับเก๋งฝ่าความมืดชนลุง คอขาดติดคากระจกหน้ารถ

หนุ่มช็อกตาเหลือก! ขับเก๋งฝ่าความมืดชนลุง คอขาดติดคากระจกหน้ารถ

หนุ่มช็อกตาเหลือก! ขับเก๋งฝ่าความมืดชนลุง คอขาดติดคากระจกหน้ารถ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อุบัติเหตุสุดสยอง หนุ่มนิคมมาบตาพุดขับรถกลับบ้านกลางดึก ฝ่าถนนทางมืดเปลี่ยว ไม่ทันเห็นลุงขี่จักรยานยนต์อยู่กลางถนน พุ่งชนอย่างแรง ร่างกระเด็น-ศีรษะขาดกระจุยติดคากระจกหน้ารถ

(9 มิ.ย.) เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ร.ต.อ.ดำฉลวบ สำคัญยิ่ง รอง สว.สอบสวน สภ.นิคมพัฒนา จังหวัดระยอง ได้รับแจ้งจากหน่วยกู้ภัยสยามรวมใจระยอง มีเหตุรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์ เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต จึงรีบเดินทางไปที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่บนถนนสาย 3191 นิคมพัฒนา-ปลวกแดง หลักกิโลเมตรที่ 18-19 หมู่ 1 ตำบลนิคมพัฒนา อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง ใกล้ทางแยกถนนสาย 15 ตัดถนนสาย 3191

ที่เกิดเหตุพบหน่วยกู้ภัยได้ใช้ผ้าขาวคลุมร่างผู้เสียชีวิต ซึ่งร่างยังคาอยู่กับซากรถจักรยานยนต์ซูซุกิ สีน้ำเงิน เอาไว้เพื่อไม่ให้อุจจาดตา เมื่อเปิดผ้าออกดูพบว่ามีร่างชายสูงอายุวัยประมาณ 65-70 ปี สภาพร่างกายแหลก แขนขาหัก ขณะที่ชิ้นส่วนศีรษะได้ขาดหลุดออกจากลำตัว ขณะที่ตรวจสอบตามร่างกายผู้เสียชีวิต ไม่พบเอกสารที่สามารถระบุว่าเป็นใคร

ห่างออกไปไม่ไกลนัก พบรถยนต์มาสด้า สีแดง สภาพกันชนด้านหน้าพังเสียหาย กระจกหน้าฝั่งคนขับเป็นรอยแตกเป็นวงกลม และมีเศษมันสมองผสมกับเลือดกองติดอยู่กับกระจกหน้า พร้อมกับชิ้นส่วนศีรษะของผู้เสียชีวิต นายณัฐพิพัฒน์ อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์คันดังกล่าวได้ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยไม่ได้หลบหนีไปไหน

จากการสอบปากคำ นายณัฐพิพัฒน์ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุเพิ่งเลิกงานจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง และกำลังจะกลับบ้าน โดยขับรถมาตามถนนสาย 3191 มุ่งหน้าอำเภอปลวกแดง เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นทางมืด มองไม่เห็นว่ามีรถจักรยานยนต์วิ่งอยู่ช่องเกาะกลางถนน จึงพุ่งชนเข้าอย่างแรง แรงกระแทกทำให้รถจักรยานยนต์กระเด็นไปไกล และพบว่ามีศีรษะของคนหลุดติดกระจกหน้ารถมาด้วย ตนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ทำได้แค่เพียงประคองรถไปลงจอดข้างทา งและโทรศัพท์แจ้งหน่วยกู้ภัย

หลังจากทำการสอบปากคำเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวนายณัฐพิพัฒน์ไปยังสถานีตำรวจ เพื่อขอสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนร่างของผู้เสียชีวิตหน่วยกู้ภัยนำเข้าโรงพยาบาลนิคมพัฒนา เพื่อให้แพทย์ตรวจพิสูจน์อีกครั้งก่อนที่จะติดต่อญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป

ในส่วนของสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุคาดว่าเกิดจากบริเวณดังกล่าวเป็นที่มืด มีแสงสว่างน้อย เมื่อ 2 วันก่อนก็เพิ่งเกิดเหตุลักษณะเดียวกันมาก่อน จึงขอฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการแก้ไขปรับปรุงให้ด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อนขึ้นอีก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook