ทีมแพทย์เผยอาการ "น้ำตาล เดอะสตาร์" สมองบวมต้องใช้ปอดเทียม ยังหาสาเหตุเลือดออกไม่พบ

ทีมแพทย์เผยอาการ "น้ำตาล เดอะสตาร์" สมองบวมต้องใช้ปอดเทียม ยังหาสาเหตุเลือดออกไม่พบ

ทีมแพทย์เผยอาการ "น้ำตาล เดอะสตาร์" สมองบวมต้องใช้ปอดเทียม ยังหาสาเหตุเลือดออกไม่พบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นข่าวที่สร้างความตกใจให้กับทุกคนที่ติดตามอาการป่วยของ น้ำตาล เดอะสตาร์ หรือ บุตรศรัณย์ ทองชิว เพราะเป็นการป่วยแบบเฉียบพลัน ไม่มีสัญญาณบอกเหตุใดๆ มาก่อนว่า น้ำตาล เดอะสตาร์ จะป่วยหนักถึงขั้นเป็นผู้ป่วยวิกฤต ICU เนื่องจากมีเลือดออกปากและจมูกจนถึงขั้นหมดสติและมีภาวะหยุดหายใจ กระทั่งทีมแพทย์ต้องทำการปั๊มหัวใจดึงสัญญาณชีพกลับมาได้สำเร็จ แต่อาการโดยรวมยังคงต้องเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด

 

ล่าสุด วันนี้ (13 มิ.ย.) ทางทีมแพทย์เจ้าของไข้ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา และ รศ.นพ.ปรัญญา สากิยลักษณ์ พร้อมด้วยพี่สาวและพี่เขย ร่วมกันแถลงข่าวอาการของ น้ำตาล เดอะสตาร์ 

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ : "เมื่อวานทางศิริราชเองได้รับการติดต่อจากทางโรงพยาบาลสมุทรสาคร ตั้งแต่เมื่อวานตอนเวลาประมาณ 08.15 น ว่าคุณน้ำตาลมีอาการเลือดออก อาเจียนเป็นเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก และเลือดที่ออกมาทำให้เข้าไปอุดตันทางเดินอากาศหรือทางเดินหายใจ จนกระทั่งทำให้หัวใจมีการหยุดเต้นและมีการกู้ชีพถึง 2 ครั้ง ทั้งที่บ้านกับที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร"

"หลังจากนั้นพอมีการประสานงานมาทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเอง ก็ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร ในการดำเนินการเวลานั้น เราจำเป็นต้องใส่เครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอดที่เรียกว่าเอคโม (ECMO) เพื่อให้การเคลื่อนย้ายสามารถเคลื่อนย้ายได้ เพราะถ้าเคลื่อนย้ายโดยไม่ใส่เครื่องพยุงมา ผมเกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายขึ้นในขณะการเดินทาง หลังจากที่มาถึงศิริราชก็มาที่ห้องไอซียู ก็ได้มีการให้ยา มีการปรับเปลี่ยนยา และให้เครื่องเอคโมดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มีการแก้ไขความไม่สมดุลของสารต่างๆ ในกระแสเลือดอยู่ในระดับหนึ่ง"

"ซึ่งในช่วงต้นตลอดระยะเวลาของเมื่อวานนั้น สภาพคนไข้ยังไม่พร้อมพอจะไปตรวจอะไรเพิ่มเติม ถ้าชีพจรทุกอย่างยังไม่ดี การเคลื่อนย้ายคนไข้ไปตรวจอะไรต่างๆ ก็อาจจะเป็นอันตราย"

"แต่หลังจากที่ดำเนินการเป็นระยะเวลาหนึ่ง เมื่อวานตอนค่ำๆ ชีพจรต่างๆ ก็เริ่มดีขึ้น สัญญาณชีพต่างๆ ก็เริ่มคงที่ เลือดที่ออกจากท่อหายใจเราก็ไม่เห็นแล้ว จนกระทั่งเมื่อเช้า เมื่อทุกอย่างคงที่เรียบร้อย เราก็ได้นำคุณน้ำตาลไปตรวจเพิ่มเติม โดยการไปเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ทั้งที่ปอดและที่สมอง"

"เหตุผลที่ต้องทำที่สมองด้วยก็เพื่อต้องการจะดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่สมองหรือเปล่า ในขณะเดียวกันสภาพก่อนหน้านี้จากเกล็ดเลือดที่ต่ำลง สารที่ทำให้เลือดแข็งตัวลดลง จะเกิดอะไรขึ้นกับสมองหรือเปล่า อันนี้คือสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำ ส่วนเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ที่ปอด ก็เพื่อจะดูว่ามีรอยรั่วอะไรหรือเปล่าที่เป็นสาเหตุของเลือดออก"

"ผลตรวจเช้านี้ก็มีสรุปออกมาว่า สมองมีอาการบวมค่อนข้างมากทีเดียว ไม่มีเลือดออกในสมองให้เห็น ขณะเดียวกันในปอดมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการที่หัวใจมีอาการหยุดเต้น การขาดเลือดที่สมองเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ไม่สามารถเห็นรอยโรคอะไรที่เป็นสาเหตุของเลือดออกที่ชัดเจนจากการเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ในปอด"

"ณ วันนี้ ตอนนี้ เราก็นำคุณน้ำตาลกลับมาอยู่ห้องไอซียู ซึ่งก็ให้ยาอยู่ กำลังเร่งดำเนินการแก้ไขความผิดปกติในเลือด ซึ่งขณะนี้ยังมีความผิดปกติอยู่ ทยอยแก้ไขอยู่ อย่างที่สอง ตัวเอคโมที่ใช้อยู่มันทำงานได้ค่อนข้างดี เลือดที่ออกตอนนี้ไม่เห็น แต่เนื่องจากเรายังไม่รู้สาเหตุว่าเลือดออกจากอะไร นี่คือสิ่งที่เราจะต้องเฝ้าพึงระวังอยู่"

"การประเมินการทำงานของสมองในเวลานี้ยังไม่สามารถที่จะประเมินได้ เพราะเมื่อไหร่ที่สมองบวม ผมต้องขออธิบายแบบนี้นะครับ คนทุกคนที่เมื่อไหร่หัวใจหยุดเต้น สมองขาดเลือดไปเลี้ยง ขาดออกซิเจนไป ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในสมองคือการบวมน้ำ ซึ่งการบวมน้ำนี้มันจะเป็นมากขึ้นถึงจุดหนึ่ง จากนั้นก็จะค่อยๆ ลดลง เราจะประเมินว่าสมองทำงานอะไรอยู่บ้างก็ต้องรอหลังจากที่สมองยุบลง ฉะนั้นในเวลานี้ยังไม่สามารถประเมินการทำงานของสมองได้อย่างเต็มที่ จากนี้ผมก็ขอติดตามในส่วนตรงนี้ต่อไปก่อน"

รศ.นพ.ปรัญญา : "ตนได้รับการติดต่อให้ไปใส่เครื่องพยุงปอดและหัวใจ หรือเอคโม ซึ่งมีหน้าที่ทำงานแทนปอดและหัวใจ ที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร กรณีของคุณน้ำตาลเท่าที่ประเมินปัญหาใหญ่อยู่ที่ปอดไม่ใช่หัวใจ คือหัวใจของคุณน้ำตาลต้องใช้ยากระตุ้นก็จริง แต่สาเหตุที่หัวใจหยุดเต้นเกิดจากปอดไม่สามารถแลกเปลี่ยนอากาศได้ เพราะเลือดที่ไหลออกมาลงไปอุดหลอดลมทั้งสองข้าง จนไม่สามารถแลกเปลี่ยนอากาศได้ สิ่งที่ต้องทำคือต้องนำเอาเลือดจากร่างกายของคุณน้ำตาลออกมาแลกเปลี่ยนอากาศข้างนอก เอาออกซิเจนเข้าไปแล้วเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ซึ่งต้องใช้เครื่องเอคโม แปลตรงๆ ก็คือปอดเทียม แต่เพื่อความเข้าใจ เราขอใช้คำว่าเครื่องพยุงปอดและหัวใจ"

"ตอนนี้ในเคสของคุณน้ำตาล เครื่องนี้ทำงานแทนปอดอย่างเดียว ส่วนหัวใจอยู่ได้ด้วยยากระตุ้น เมื่อตนไปถึงโรงพยาบาลสมุทรสาคร พบว่าคุณน้ำตาลมีภาวะความเป็นกรดในเลือดสูง จากทั้งกรดที่ร่างกายผลิตแล้วไม่สามารถขับออกได้ และแก๊สที่เป็นของเสียของร่างกายที่ไม่สามารถขับออกได้เลย ค่าปกติอยู่ที่ 40 แต่ของคุณน้ำตาลอยู่ที่ 80 เราพิจารณาว่าจำเป็นจะต้องใส่เครื่องนี้เพื่อนำเลือดออกมาฟอกด้านนอก พอใส่เครื่องแล้วเราก็มั่นใจมากขึ้นว่าการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยปลอดภัยขึ้น แต่โรงพยาบาลสมุทรสาครไม่สามารถดูแลเครื่องนี้ได้ ต้องเป็นโรงพยาบาลรัฐบาลใหญ่ๆ หรือโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยเท่านั้น จึงทำการย้ายคุณน้ำตาลมาที่หอผู้ป่วย โรงพยาบาลศิริราช"

"โดยใช้รถพยาบาลแบบพิเศษ หรือ โมบาย ไอซียู ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลกรุงเทพ พอมาถึงศิริราชเราได้เริ่มปรับยา เพราะคืนแรกที่มาถึงความดันของคุณน้ำตาลก็ยังขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอดเวลา ต้องแก้ไขทุกอย่าง จนทุกอย่างนิ่งจึงได้เริ่มทำการตรวจวินิจฉัยว่าเลือดออกมาจากจุดไหนแต่ก็ยังไม่พบ ตรวจดูว่าสมองได้รับความกระทบกระเทือนแค่ไหน จากการตรวจร่างกายตอนนี้ยังไม่มีการตอบสนองใดๆ สมองยังบวมอยู่ ต้องรอให้สมองยุบก่อนค่อยประเมินซ้ำอีกครั้ง"

ตอนนี้ยังหาไม่เจอเลยใช่ไหมว่าเลือดออกตรงไหน ?

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ : "คือเวลามีเลือดออกแบบนี้ เราพยายามหา ซึ่งโรคพวกนี้ เป็นสิ่งที่เจอน้อยมาก เจอไม่บ่อย ก็ไม่อยากเรียกว่า 1 ในล้าน คือเอาเป็นว่ามันเจอน้อยมากก็แล้วกัน เพราะตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าโรคอะไร แต่ที่เราเจอบ่อย เช่น เส้นเลือดที่ผิดปกติ ที่เป็นก้อน แต่เรามองไม่เห็น พอไม่เห็น เรารู้อย่างเดียว เลือดที่ออก บอกอย่างตรงไปตรงมาคือ เส้นเลือดแตก แต่เป็นเส้นเลือดจากอะไร ตรงนี้เรายังไม่รู้"

พอยังไม่ทราบสาเหตุแบบนี้ จะมีผลต่อการรักษาต่อไปไหม ?

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ : "ถ้าเราประคับประคองในช่วงตรงนี้ ถ้าสมองยุบตัวลงแล้ว เราก็จะสามารถประเมินได้อย่างเต็มที่ ขั้นตอนต่อไป ถ้าคนไข้ผ่านพ้นระยะวิกฤตตรงนี้ไป เช่น เลือดไม่ออกในช่วงวิกฤตตอนนี้ เราก็จะไปสู่ขั้นตอนสืบค้น ว่าอะไรทำให้เลือดออก แล้วสามารถรักษา คือการรักษาจุดเลือดออก มันทำได้ทั้งที่ไม่ต้องผ่าตัดก็ได้ อาจจะใช้วิธีการใส่สาย คือถ้าเรารู้ว่าออกจุดไหน เราก็เลื้อยสายเข้าไปอุดได้ แต่ตอนนี้ทำไม่ได้"

ตอนนี้ก็ต้องรอไปเรื่อยๆ ใช่ไหม ?

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ : "ถ้าไปทำตอนนี้ผมว่าได้ไม่คุ้มเสีย เพราะชีพจรอะไรต่างๆ เพิ่งกลับมา คนไข้ยังไม่อยู่ในสภาพที่จะไปทำอะไรมากๆ นานๆ นอกไอซียู"

ตอนนี้อาการถือว่าดีขึ้นก่อนที่จะมารักษาที่ศิริราชไหม ?

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ : "ดีขึ้นตรงที่ว่า ณ วันนี้ สัญญาณชีพคงที่แล้ว แล้ววันนี้ในเวลานี้ เราไม่เห็นเลือดออกมาในท่อทางเดินหายใจ ถึงแม้ว่าตอนนี้เลือดจะถูกฟอกโดยเครื่องอยู่ข้างนอก แต่การที่ไม่มีเลือดออกมา เราก็หวังว่าปอดจะกลับมาทำงาน ผมไม่อยากให้คาดการณ์อะไรในเชิงบวกมากเกินไป แต่ก็ไม่อยากพูดในเชิงลบ ตอนนี้เราดูวันต่อวัน เราเฝ้าระวังในสิ่งที่เราระวังอยู่"

เคยเจอเคสในลักษณะอย่างนี้มาก่อนไหม ?

รศ.นพ.ปรัญญา : "ลักษณะแบบนี้เป๊ะเลยเราไม่เคยเจอ แต่ลักษณะเช่น ไอเป็นเลือดมากๆ อันนี้เคยเจอ หรืออาเจียนเป็นเลือดมากๆ เราก็เคยเจอ แต่ภาพรวมของเคสนี้คือการมีเลือดออกเข้าไปในหลอดลมทั้งสองข้างจนกระทั่งต้องใช้เครื่องเอคโมมาช่วย ซึ่งถามว่าเราเคยเจอเคสลักษณะแบบนี้ไหม คือไม่เคยครับ"

การรักษาตอนนี้คือรักษาตามอาการใช่ไหม ?

รศ.นพ.ปรัญญา : "ครับ คือปอดก็รอฟื้นตัวจากการที่เขาสำลักเลือดทั้งสองข้าง ระหว่างที่ปอดยังฟอกเลือดไม่ได้ ก็ต้องใช้เครื่องเอคโมไปก่อน ส่วนสมองก็รอให้หยุดบวม ตอนนี้ก็ใช้ยาช่วย แล้วก็ดูระดับเกลือแร่ว่าอย่าให้ผิดปกติ ส่วนเรื่องเลือดออก ตอนนี้เราก็ได้แต่เฝ้าระวัง คอยดูความเข้มข้นของเลือด ถ้าเมื่อไหร่มีสัญญาณว่ามันตกลงไป คือบางครั้งมันก็จะไม่เห็นร่องรอย"

พี่สาวกับพี่เขย ของ น้ำตาล เดอะสตาร์

ถ้าน้ำตาลฟื้นขึ้นมา จากอาการที่สมองบวมจะส่งผลอะไรไหม ?

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ : "ตอนนี้ยังเร็วเกินไป ผมพูดตรงๆ นะ เวลาไม่มีออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง เซลล์สมองจะถูกทำลาย อันนี้เป็นเรื่องปกติ ถามว่าจะทำงานได้มากน้อยแค่ไหน ณ ตอนนี้เรายังสรุปไม่ได้ ตอนนี้เรารู้แค่ว่าบวมขนาดนี้ ต่อให้สมองดี บวมแบบนี้ก็ไม่รู้ตัวหรอก ก็ต้องรอให้ยุบบวมซะก่อน ถึงจะแยกได้ว่าที่ไม่รู้ตัวตอนนี้เพราะสมองบวม หรือว่าเนื้อสมองถูกทำลายไปแล้วจากการขาดเลือดไปเลี้ยง รอให้เราแก้เรื่องบวม ให้มันยุบลงแล้วก็ประเมินสมองอีกหนึ่งครั้ง มีอีกประเด็นหนึ่งคือ ปริมาณเลือดที่มีการตรวจที่โรงพยาบาลสมุทรสาครนั้น เกล็ดเลือดไม่ได้ต่ำ ในโซเชียลมีบางคนบอกว่าเป็นไข้เลือดออกหรือเปล่า อันนี้ไม่เหมือนนะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นเลือดที่ออกจะสัมพันธ์กับการที่เกล็ดเลือดต่ำ แล้วโดยทั่วไปจะไม่ออกแค่จุดเดียว เราอาจจะเห็นเลือดออกที่อื่นอีกเช่นผิวหนัง แต่อันนี้ไม่มี"

ถามถึงภาวะเส้นเลือดเปราะบาง ?

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ : "ใครบางคนในห้องอาจจะมี เพียงแต่ว่ามันอาจจะอยู่ในอวัยวะที่ไม่เกิดเรื่อง ก็เหมือนกับปานแดงที่ผิวหนัง ซึ่งปานแดงที่ผิวหนังก็คือเส้นเลือดผิดปกติ เผอิญมันอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นและปานแดงที่ผิวหนังเราไม่ค่อยกลัวเพราะหนังหนา โอกาสเลือดที่ออกมาจะยาก ออกมาเราก็เอามือกด แต่สิ่งที่สำคัญคือสิ่งที่อยู่ในอวัยวะตัวเรา มันอาจจะเป็นหลอดเลือดที่ผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิดแต่มันไม่เคยเกิดเรื่องขึ้น วันไม่ดีคืนไม่ดีมันเกิดแตก เผอิญมันอยู่ใกล้กับที่เป็นท่อ พอแตกปุ๊บไม่มีอะไรไปกด บางคนมีหลอดเลือดแบบนี้ในตับ อันนี้เราก็ไม่ค่อยกลัว พอมันเริ่มแตกปุ๊บตับมันแข็ง ตับมันก็กดไปในตัว พอกดเลือดก็หยุดได้ เผอิญมันอยู่ใกล้ท่อหลอดลม ซึ่งไม่มีอะไรไปกดเลือดก็เลยไม่หยุดไหล คำตอบคือ มาจนถึง ณ วันนี้ มันก็เลยไม่มีตัวเลขที่สามารถบอกได้ อุบัติการหลอดเลือดบางๆ แบบนี้มีมากน้อยแค่ไหน ในคนปกติอาจจะมีแต่ในเมื่อมันไม่ก่อเรื่องก็เลยไม่ได้เป็นสถิติ"

การที่เลือดกำเดาไหลบ่อยๆ เกี่ยวไหม ?

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ : "ก็ได้แต่คาดการณ์ว่าอาจจะ พูดได้แค่นั้นจริงๆ เพราะว่า คนบางคนเลือดกำเดาออกบ่อยเพราะอยู่ในอากาศแห้ง เยื่อบุแห้งก็เกิดเลือดกำเดาออกได้ คนบางคนสัมพันธ์กับการขาดวิตามินบางอย่าง ก็เลือดกำเดาออกได้ เผอิญช่วงที่เลือดกำเดาออกที่ผ่านมาเราเข้าใจว่าอาจจะไม่มีการตรวจหรอก ว่าเป็นจากอะไร หรือตรวจได้อาจจะไม่ทราบด้วยซ้ำเพราะมันออกแล้วมันก็หยุด อีกอย่างหนึ่งพบว่ามันไม่มีความสัมพันธ์โดยตรง ของหลอดเลือดที่ผิดปกติที่อยู่ในอวัยวะลึกๆ เผอิญผมทำทางด้านตับ ไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับหลอดเลือดที่ติดอยู่ในเนื้อตับ กับสิ่งที่ปรากฏตามผิวหนังข้างนอก บางคนมีผิดปกติที่ตับแต่ไม่ผิดปกติที่ข้างนอกเลย ดังนั้นผมคงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้"

คุณหมอไม่เคยเจอเคสนี้มาก่อน รักษายากใช่ไหม ?

รศ.นพ.ปรัญญา : "จริงๆ อาจจะไม่ยากก็ได้ถ้าเราทราบว่าอยู่ที่ไหน แสดงว่าจุดที่มันเกิดอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ในบางโรคที่พบบ่อยเราสามารถบอกได้เลย แต่กรณีของคุณน้ำตาลแปลว่าอยู่ในจุดที่ไม่ได้พบบ่อย"

เลือดตอนนี้หยุดแล้วใช่ไหม ?

รศ.นพ.ปรัญญา : "หยุดเองเลย พอเราปฐมพยาบาลก็หยุด"

ถ้าเกิดกรณีแบบนี้ จะต้องดูแลตัวเองอย่างไร ?

รศ.นพ.ปรัญญา : "คือเนื่องจากพบไม่บ่อยก็จะลำบากนิดหนึ่ง แต่ขอยกกรณีตัวอย่าง คุณน้ำตาล สิ่งที่คุณแม่คุณน้ำตาลทำถือว่าดีมาก ตั้งสติรีบตามรถพยาบาลมาช่วย ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราต้องตามคนมาช่วยก่อน และปฐมพยาบาลเบื้องต้น จนกระทั่งรถมารับ ถือหลักการเดียวกันอะไรที่มันรุนแรงขึ้น ให้รีบตามคนมาช่วย ตามรถพยาบาล ติดต่อห้องฉุกเฉินทันที เลือกที่ใกล้บ้านที่สุด เผอิญบ้านเขาอยู่ใกล้โรงพยาบาล แต่ถ้าเขาอยากจะมาศิริราชเลย หรือเลือกโรงพยาบาลเอกชน ก็อาจจะใช้เวลามากกว่า อันนี้ต้องชื่นชมจริงๆ ว่าคุณแม่เขาทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องตลอด"

ปอดทำงานปกติหรือยัง ?

รศ.นพ.ปรัญญา : "ยังครับ ปอด 2 ข้างยังไม่สามารถแลกเปลี่ยนแก๊สได้ดี ทั้ง 2 ข้าง จึงต้องใช้เครื่องนี้ช่วยแลกเปลี่ยนแก๊สไปก่อน"

ตอนนี้ปอดทั้งสองข้างดีขึ้นไหม ?

รศ.นพ.ปรัญญา : "ยังครับ ปอดสองข้างยังไม่สามารถแลกเปลี่ยนแก๊สได้ดีทั้งสองข้างเลย จึงต้องใช้เครื่องเอคโม แลกเปลี่ยนแก๊ส"

ได้มีการสอบถามจากต่างประเทศไหม เกี่ยวกับอาการแบบนี้ ?

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ : "ผมเชื่อว่าโลกทั้งใบเจอโรคนี้น้อยมาก คงไม่มีใครที่มีประสบการณ์เจอมากกว่า 1-2 เคสด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญคือ ใช้เหตุ ใช้ผลในการดำเนินการตอนนี้ อย่างที่อาจารย์ปรัญญาเล่าให้ฟัง คุณแม่เขาดำเนินการตอนต้นถูกแล้ว ทำให้อากาศเข้าไปได้เร็วที่สุดทำยังไง ซึ่งเราทำเองไม่ได้อยู่แล้ว เวลาเลือดออกแบบนี้ ต้องเรียกรถโรงพยาบาลที่ใกล้บ้านที่สุด แล้วก็โดยระบบของประเทศไทยตอนนี้ ทันทีที่ส่งไปถึง ทางโรงพยาบาลจะรีบดำเนินการโดยทันที เขาตอบว่าได้ไม่ได้ ถ้าไม่ได้ เขาจะรีบประสานงานมา เพราะงั้นย้ายคนไข้ยังไม่ได้ เราเคลื่อนหมอได้ เราก็เอาหมอเข้าไปทำ จนเราเคลื่อนคนไข้ได้"

"ถ้าพูดถึงขั้นตอนทั้งหมดที่ผ่านมาไปได้ดีทีเดียว แต่เผอิญสภาพคนไข้กับโรคแบบนี้ ผมยังยืนยันนะครับ ไม่ว่าจะรักษาที่ประเทศไหน ถ้าเกิดเฉียบพลันแบบนี้ มันไม่มีสัญญาณเตือนเลย อยู่มาแล้วปุบปับแบบนี้ใครจะไปรู้"

ปอดแตกแบบนี้สาเหตุมาจากอะไรบ้าง ?

รศ.นพ.ปรัญญา : "คือจริงๆ เรื่องปอดแตกเราไม่เคยพูดถึงเลย แต่ว่าตามข่าวที่ทราบมาว่า คุณน้ำตาลมีอาการปอดแตกด้านขวา ก็คือมีลมรั่วจากเยื่อหุ้มปอด ทำให้ปอดยุบ จำเป็นต้องใส่สายระบายลม อันนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร ก่อนหน้านี้ที่ผมจะไปพบคุณน้ำตาล"

"คาดว่าปอดแตกเกิดจากการใส่ท่อหายใจ แล้วพยายามบีบเพื่อให้ออกซิเจนเข้าไปในปอด แต่เนื่องจากว่ามีเลือดอยู่ในนั้นเยอะ เลยทำให้ความดันในปอดมันขึ้นสูงมาก ก็เหมือนลูกโป่งที่ลมมันสูงเกินไป ทำให้มันแตกได้ จริงๆ สิ่งนี้พบไม่บ่อย"

"ก็คือผู้ป่วยที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจและความดันสูงมากๆ เพื่อจะขับให้ออกซิเจนเข้าไปในร่างกายได้ พอมันสูงเกินไป ก็ทำให้ปอดแตกเป็นรูเล็กๆ และเป็นรูรั่วออกมา สำหรับกรณีนี้ก็ไม่ใช่ภาวะรุนแรงอะไร ใส่ท่อระบายลมก็เรียบร้อยดีครับ"

ในชีวิตประจำวัน มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นไหม มีความเสี่ยงมากแค่ไหน ?

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ : "น้อยมาก โรคแบบนี้เป็นโรคที่เจอน้อยมาก ผมยืนยันว่าน้อยมากๆ ดังนั้นไม่อยากให้สังคมตื่นตระหนก เพียงแต่ว่าถ้าเกิดอาการแบบนี้ รีบเข้าโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดนะครับ มันเกิดขึ้นยาก ไม่อยากให้ตื่นตระหนกกับเรื่องแบบนี้"

น้ำตาลหยุดหายใจไป 30 นาที คนเรามีโอกาสหยุดหายใจแค่ 10 นาที เป็นปาฏิหาริย์ไหม ?

รศ.นพ.ปรัญญา : "คือจริงๆ ไม่ใช่หยุดหายใจไป 30 นาที แต่ใช้เวลาปั๊มหัวใจไป 30 นาทีนะครับ แต่ในระหว่างที่ปั๊มหัวใจไป 30 นาทีกว่าจะฟื้นมาได้ เราไม่สามารถบอกได้ว่า ออกซิเจนที่เข้าไปมากน้อยแค่ไหน แต่เหตุผลที่หัวใจหยุดเต้น คือร่างกายขาดออกซิเจนนะครับ"

สรุปอาการ น้ำตาล เดอะสตาร์

ผู้ป่วยมีสัญญาณชีพคงที่และไม่มีเลือดออกทางท่อหายใจแล้ว แพทย์จึงได้พิจารณานำผู้ป่วยส่งตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) สมองและปอด เพื่อการวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการเลือดออกที่ปอด และวินิจฉัยประเมินความเสียหายของสมอง ผลการตรวจพบว่า

-ไม่พบตำแหน่งเลือดออกที่ปอดทั้งสองข้าง

-สมองบวมมาก

แผนการรักษาต่อไป มีดังนี้

-เนื่องจากยังไม่พบตำแหน่งที่เลือดออก จึงต้องเฝ้าระวัง และหาสาเหตุต่อไป เพราะอาจจะมีภาวะ เลือดออกได้อีก

-แก้ไขภาวะผิดปกติของเกลือแร่ในร่างกาย และให้ยาเพื่อลดอาการสมองบวม

-ขณะนี้ยังคงให้การรักษาแบบประคับประคองร่วมกับการใช้เครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอด (ECMO)

>> ข่าวดีอาการ "น้ำตาล เดอะสตาร์" แพทย์หยุดเลือดได้สำเร็จ สัญญาณชีพดีขึ้น

>> ลำดับอาการ "น้ำตาล เดอะสตาร์" จากร่าเริงสดใสกลายเป็นผู้ป่วยขั้นวิกฤต

>> เปิดภาพแฟนหนุ่ม "น้ำตาล เดอะสตาร์" เฝ้าหน้าห้อง ICU ดูแลไม่ห่าง

>> "พ่อน้ำตาล เดอะสตาร์" น้ำตาคลอ เปิดใจลูกยังเด็ก คนที่ไปก่อนน่าจะเป็นเรา

>>"พ่อน้ำตาล เดอะสตาร์" เผยคลิปตัวอย่างเพลง "Lover Coaster" ที่บุตรสาวทำไว้ก่อนป่วย

 

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ ของ ทีมแพทย์เผยอาการ "น้ำตาล เดอะสตาร์" สมองบวมต้องใช้ปอดเทียม ยังหาสาเหตุเลือดออกไม่พบ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook