ตะครุบ 2 คนร้าย มือฆ่าเผานั่งยางกลางสวนปาล์ม เจ้าหนี้สั่งตายปมค้างค่ายา 4 ล้าน

ตะครุบ 2 คนร้าย มือฆ่าเผานั่งยางกลางสวนปาล์ม เจ้าหนี้สั่งตายปมค้างค่ายา 4 ล้าน

ตะครุบ 2 คนร้าย มือฆ่าเผานั่งยางกลางสวนปาล์ม เจ้าหนี้สั่งตายปมค้างค่ายา 4 ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(17 มิ.ย.62) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคดีฆ่าเผานั่งยางที่ สภ.ทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิธิวัฒน์ ศรีทองจ้อย รองผบก.ภ.จว, พ.ต.อ.อดุลชัย เผ่าพันธุ์ศร ผกก.สภ.ทับสะแก, พ.ต.อ.พสิษฐ์ ก้อนสิน ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนกองบังคับการสืบสวนและสอบสวนตำรวจภูธรภาค7 , พ.ต.ท.อรรถสิทธิ์ พัฒนาประสืบ รองผกก.สืบสวนภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์, พ.อ.กรกานต์ นาเวชวนิชกุล รองผอ.รมน.จ.ประจวบคีรีขันธ์ และนายปรีดา สุขใจ นายอำเภอทับสะแก

พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่าในคดีฆ่าเผานั่งยางที่ ต.อ่างทอง เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลา 5 วัน จึงสามารถติดตามจับกุมคนร้ายในคดีได้สำเร็จ ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2562 พ.ต.ท.วินัย ลายละเอียด พนักงานสอบสวน สภ.ทับสะแก ได้รับแจ้งจาก นางปราณี เจ้าของสวนปาล์ม ม.2 ต.อ่างทอง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่าพบโครงกระดูกถูกเผาอยู่ในกองขี้เถ้าหน้าบ้านพัก ในซอยทางเข้าวัดถ้ำจันทร์

>> คุณป้าช็อก บ้านตัวเองกลายเป็นสถานที่ฆาตกรรม เจอกองเถ้ากระดูก-รอยคราบเลือด

ต่อมาทราบจาก นางเพ็ญศรี ว่าบุตรชายชื่อ นายสหภาพ หรือ อายุ 45 ปี หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2562 เวลาประมาณ 12.00 น. พร้อมกับรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าสี่ประตูสีขาวทะเบียน 8กฒ-8870 กรุงเทพฯและสงสัยว่าผู้ตายที่ถูกฆ่าเผานั่งยางที่ อ.ทับสะแก อาจจะเป็นบุตรชายของตนเอง

จากการสอบสวนทราบว่าเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน เวลาประมาณ17.00 น. มีชายไทย 2 คนขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้าสีแดงไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เข้ามาหาซื้อน้ำมันเบนซินและยางรถยนต์เก่าในพื้นที่ใกล้เคียง แต่ได้ไปเพียงน้ำมันเบนซิน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แกะรอยจากกล้องวงจรปิดจนทราบว่าชายไทย 2 คนดังกล่าว คือ นายยศพัทธ์ หรือ หนู อายุ 37 ปี อยู่บ้าน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และ นายณรงค์ หรือ บอย อายุ 32 ปี ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ข้อมูลเพิ่มเติมจาก สภ.ชัยพฤกษ์​ ว่านายยศพัทธ์ หรือ หนู เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและมีเครือข่ายรวม 4 คน และหนึ่งในนั้นคือ นายณรงค์ หรือ บอย โดยขับรถปรากฎตัวในท้องที่ สภ.เขาย้อย และสภ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี และนายณรงค์ถูกจับกุมเกี่ยวกับอาวุธปืนที่ด่านบ้านลาด ก่อนได้ประกันตัวออกมาแล้วขับรถมุ่งหน้า จ.ประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบรถยนต์โตโยต้า สีขาว ของนายสหภาพที่มารดาแจ้งความว่าบุตรชายหายตัวไปขับรถ มุ่งหน้า จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้วย

ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานยื่นคำร้องขอออกหมายจับนายยศพัทธ์ และนายณรงค์ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ยักย้ายทำลายศพเพื่ออำพรางคดี โดยสามารถติดตามจับกุมตัวนายยศพัทธ์ ได้ที่กรุงเทพ และจับนายณรงค์ได้ที่ จ.มุกดาหาร นำตัวกลับมาสอบสวนที่ สภ.ทับสะแก

กระทั่ง นายยศพัทธ์ รับสารภาพว่าหลอกลวงผู้ตายมาเพื่อฆ่าล้างหนี้ ส่วนนายณรงค์ รับเพียงว่าอยู่ในเหตุการณ์แต่ไม่ได้ลงมือฆ่าแต่อย่างใด ซึ่งทั้งสองคนยังให้การขัดกัน ในขั้นตอนการฆ่าอำพรางศพด้วยการเผานั่งยาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังต้องสอบสวนเพิ่มเติมก่อนจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเพื่อฝากขังที่ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ตามลำดับ

จากการสอบสวนมูลเหตุที่ร่วมกันฆ่า เนื่องจากนายสหภาพผู้ตาย ติดหนี้ค่ายาบ้ากับนายทุนชาวลาวจำนวน 4 ล้านบาท ซึ่งมีนายยศพัทธ์ค้ำประกันให้ว่าเชื่อถือได้ ทั้งหมดรู้จักกันในเรือนจำ แต่ผู้ตายได้ออกจากเรือนจำมาก่อนจึงได้แนะนำให้นายสหภาพรับยาจากนายทุนชาวลาวไปขาย ทยอยเอาของหลายครั้ง แต่ติดเงินค่ายาไว้ จนหนี้สินสูงถึง 4 ล้านบาท นายทุนชาวลาวได้พยายามทวงถามหลายครั้งแต่นายสหภาพผู้ตายบ่ายเบี่ยงไม่ยอมชำระหนี้ค่ายาบ้า เมื่อนายยศพัทธ์ และนายณรงค์ ออกจากเรือนจำ จึงได้ติดต่อขอเจรจาเรื่องหนี้สิน เคยนัดหมายกับนายสหภาพแล้วครั้งหนึ่งแต่เหยื่อไม่หลงกลไม่ยอมมาพบ กระทั่งต้องหลอกว่ามีลูกค้ายาบ้ามาติดต่อจะซื้อยานายสหภาพจึงหลงกลเดินทางมาพบที่สวนปาล์มจุดเกิดเหตุ เนื่องจากนายหนูเป็นญาติห่างๆ กับเจ้าของสวนปาล์มจึงรู้ลู่ทางในพื้นที่

โดยระหว่างที่นายสหภาพกำลังโทรศัพท์เพื่อเจรจาเคลียร์เรื่องหนี้สินกับนายทุนชาวลาวอยู่นั้น นายยศพัทธ์ ซึ่งได้รับคำสั่งให้ฆ่ามาตั้งแต่ต้น และหวังนำรถยนต์ของนายสหภาพไปขายใช้หนี้บางส่วน นายยศพัทธ์ จึงได้ใช้ไม้ท่อนขนาดใหญ่ที่เตรียมไว้ใต้แคร่ที่นั่งหน้าบ้านตีเข้าที่หลังของนายสหภาพขณะกำลังนั่งขัดสมาธิจนล้มฟุบลง ซึ่งจังหวะที่นายสหภาพกำหมัดจะหันมาสู้นายหนูได้ใช้ไม้ตีซ้ำที่ศีรษะจนศีรษะแตกแล้วแน่นิ่งไป จึงลากศพมาที่ลานดินหน้าบ้าน โดยมีนายณรงค์หรือบอยช่วยยกขาและหากิ่งไม้ ส่วนนายหนูไปกลิ้งยางรถยนต์จำนวน 4 เส้น มาเพื่อเผาศพอำพรางคดี เผาไปได้สักพักนายหนูจึงได้ขับรถยนต์ของผู้ตายออกไปเพื่อหวังนำไปขายล้างหนี้ ส่วนนายบอยขับรถเก๋งสีแดงออกไปยังห้องพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ และกลับมาดูที่จุดเผาศพอีกครั้งในช่วงเช้าเขี่ยกองไฟดูให้แน่ใจว่าเผาศพจนหมด แล้วก่อนแยกย้ายกันหลบหนี

ทั้ง นี้ปรากฎว่านายยศพัทธ์ ให้การว่าร่วมกันกับนายณรงค์ เพื่อฆ่าอำพรางคดีโดยนายบอยได้จัดหาอาวุธปืนมาเตรียมไว้แต่ไม่ทันได้ใช้งาน และช่วยเหลือในการเผาศพ แต่นายบอยกลับรับเพียงว่าอยู่ในเหตุการณ์เท่านั้นไม่ได้ลงมือฆ่าแต่ไม่ได้ห้ามปรามเพราะกลัวเพื่อนจะทำร้าย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องคุมตัวทั้งสองคนไปสอบสวนเพิ่มเพราะยังให้การขัดกันหลายประเด็น

อย่างไรก็ตามผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ยกมือไหว้ขอขมาและขออโหสิกรรมจากนายสหภาพผู้ตายที่บริเวณลานดินจุดเผานั่งยางศพเพื่ออำพรางคดี ซึ่งนายยศพัทธ์ ระบุว่าขอรับโทษที่ก่อเหตุ และออกมาจากเรือนจำก่อนถึงจะค่อยคิดว่าจะทำบุญให้กับผู้ตายด้วยวิธีใด ขณะที่นายณรงค์ระบุว่า หากพ้นโทษแล้วจะขอบวชอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้ตายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook