น้ำใจช่วยลุงตาบอดสู้ชีวิต 9.2 แสน ปิดรับบริจาคแล้ว อยากให้ช่วยคนอื่นบ้าง

น้ำใจช่วยลุงตาบอดสู้ชีวิต 9.2 แสน ปิดรับบริจาคแล้ว อยากให้ช่วยคนอื่นบ้าง

น้ำใจช่วยลุงตาบอดสู้ชีวิต 9.2 แสน ปิดรับบริจาคแล้ว อยากให้ช่วยคนอื่นบ้าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานถึงความคืบหน้ากรณี การให้ความช่วยเหลือ ชายพิการตาบอดสนิททั้ง 2 ข้าง ซึ่งอาศัยอยู่ภายในบ้านปูน 1 ชั้น เลขที่ 55/5 ม.13 ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ในสภาพบ้านเก่า อิฐผนังบ้านเปลือยยังไม่ได้ฉาบปูน หลังคากระเบื้องเก่า มีรอยรั่ว หน้าต่างมีแต่ช่องวงกบ ใช้สังกะสีตีปิดไว้พอได้บังแดดบังฝน อาศัยอยู่กับภรรยาและลูกสาว อายุ 12 ปี ซึ่งกำลังจะขึ้นเรียนชั้น ม.1 มีฐานะยากจน แทบไม่มีข้าวกรอกหม้อ และที่สำคัญลูกสาวที่กำลังจะขึ้นเรียน ไม่มีเงินทุนการศึกษา เป็นค่าใช้จ่ายไปโรงเรียน

แต่ชายพิการรายนี้ ไม่เคยงอมืองอเท้ารอคอยความช่วยเหลือจากใคร ด้วยการออกหาจับปลาและ หว่านแห รวมทั้งสามารถขึ้นต้นไม้ต้นสะเดาเก็บพืชผักต่างๆ มาขายและประทังชีวิตหล่อเลี้ยงครอบครัวเหมือนคนปกติ รวมทั้งยังรับจ้างยกอิฐบล็อก เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวอย่างไม่หยุดนิ่ง

ชายพิการตาบอดรายนี้ คือ นายสัจจา ใจหาญ อายุ 50 ปี มีภรรยาชื่อนางหาม อุไรรักษ์ อายุ 58 ปี และลูกสาว คือ ด.ญ.กุ้งนาง ใจหาญ อายุ 12 ปี ที่กำลังจะขึ้นเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนเทศบาล 3 โดยนายสุจจา ใจหาญ บอกว่าตนเองตาบอดมานานกว่า 25 ปีแล้ว เกิดจากอุบัติเหตุตกจากรถบรรทุกปอ จนทำให้ตาเริ่มพร่ามัว จากนั้นถูกล้อยางรถบรรทุกทับ ขณะกำลังเปลี่ยนยางรถสิบล้อ ทำให้ตาเริ่มบอดสนิท และมาพบกับภรรยาคนปัจจุบันที่ยอมอยู่กินกับตนเองจนมีลูกโดยไม่รังเกียจ แม้จะลำบากแค่ไหนก็ตาม แต่เป็นห่วงเรื่องเดียวอยากให้ลูกสาวได้เรียนสูงๆ มีทุนการศึกษา จะได้ไม่ลำบากเหมือนพ่อ เพราะกำลังจะเปิดเทอม อีกทั้งบ้านที่เก่าทรุดโทรมแล้ว อยากได้ทุนมาซ่อมแซม ลำพังรับจ้างก็ไม่มีเงินเพียงพอกินและให้ลูกไปโรงเรียน 

ล่าสุดวันนี้ (18 มิ.ย.62) ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปติดตามความคืบหน้า ของการให้ความช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าวอีกครั้ง พบว่ามีผู้ใจบุญจากทั่วประเทศโอนเงินเข้าช่วยเหลือ ที่บัญชีธนาคารออมสิน สาขาสุรินทร์ ชื่อบัญชี ด.ญ.กุ้งนาง ใจหาญ จำนวนถึง 926,215.11 บาท (เก้าแสนสองหมื่นหกพันสองร้อยสิบห้าบาท) ซึ่งที่ผ่านมา หลังสื่อมวลชนนำเสนอข่าว พบว่ามีหน่วยงานต่างๆ ได้ลงพื้นที่เข้าไปสำรวจและช่วยเหลือในเบื้องต้น

ขณะเดียวกันนายสัจจา ใจหาญ ชายพิการตาบอด ได้มีความประสงค์ขอปิดบัญชีการบริจาคเงิน จากผู้ใจบุญแล้ว และทำการถอนเงินทั้งหมดมาไว้บัญชีธนาคารใหม่ อีกบัญชีหนึ่ง โดยมีนายประทีป ดุมนิล ผญบ.บ้านหนองเต่า ม.13 ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ร่วมกับ สมาชิก อบต. และ ด.ญ.กุ้งนาง ใจหาญ อายุ 12 ปี ที่ได้ขึ้นเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนเทศบาล 3 ในการเซ็นชื่อร่วมเบิกจ่ายเงินในบัญชีร่วมกัน 3 คน ทั้งนี้เพื่อความโปร่งใส และเป็นการช่วยดูแลควบคุมการใช้จ่ายเงินเพื่อให้คุ้มค่า เหมาะกับความจำเป็นในการดำรงชีวิตของครอบครัวลุงตาบอด นอกจากนี้งบประมาณบางส่วนจะเอาไปซ่อมแซมบ้านเรือนต่างๆ ที่เริ่มทรุดโทรม รวมไปถึงหน้าต่างที่ยังไม่มีอีกด้วย

นายสัจจา ใจหาญ ชายพิการตาบอด กล่าวว่า ครอบครัวของตน ต้องขอขอบคุณผู้ใจบุญจากทั่วประเทศที่โอนเงินช่วยเหลือในครั้งนี้ ยอดเงินทั้งหมดประมาณ เก้าแสนสองหมื่นหกพันบาท ตนจึงขอปิดบัญชีแล้ว เนื่องจากเพียงพอแล้ว ให้ผู้ใจบุญช่วยเหลือผู้ที่ลำบากคนอื่นบ้าง ส่วนบัญชีใหม่ มีผู้ใหญ่บ้าน กับ อบต.และลูกสาว ที่จะต้องร่วมกันเซ็นเบิกจ่ายในแต่ละครั้ง ตนจะเก็บเงินไว้เป็นทุนการศึกษาให้ลูกได้เรียนต่อไป ตนไม่เคยมีเงินมากขนาดนี้ ตนดีใจมาก จะใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าที่สุด ส่วนงานรับจ้างยกอิฐบล็อกตนก็ยังคงดำเนินชีวิตทำงานตามตามปกติ

ด.ญ.กุ้งนาง ใจหาญ อายุ 12 ปี กล่าวว่า ตนเองดีใจ อยากขอบคุณทุกท่านที่คอยบริจาคเสื้อผ้า รองเท้า ของต่างๆ มากมายให้ครอบครัวของหนู ขอบคุณจริงๆ และจะตั้งใจเรียนเป็นเด็กดีของสังคมต่อไป

ทั้งนี้เงินที่ผู้ใจบุญบริจาคมาประมาณ 9 แสนสองหมื่นหกพันบาทดังกล่าว ทางครอบครัวคุณลุงตาบอด ได้นำไปใช้จ่ายซื้อของที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ทั้งของในครัวเรือนต่างๆ จึงทำให้ยอดเงินสุทธิคงเหลือ 886,205.11 บาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook