คนจีนขึ้นแท็กซี่ ลืมถุงหิ้วใส่เงิน 2.8 ล้านบาทบนรถ ใจดีถอนแจ้งความแม้ได้คืนไม่ครบ
(19 มิ.ย. 62) มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 62 จากเจ้าหน้าที่ รร.เดอะทวินทาวเวอร์ ถ.รองเมือง ว่ามีชาวจีนลืมถุงหิ้วพลาสติก ภายในมีเงินสดจำนวน 90,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,800,000 บาท) บนรถแท็กซี่ เป็นเงินที่เตรียมนำไปซื้อคอนโดมิเนียม โดยเล่าเหตุการณ์ว่า เรียกรถแท็กซี่แล้วขึ้นไปนั่งที่เบาะหน้าแล้ว แต่แท็กซี่ปฏิเสธที่จะไปส่งเพราะต้องคืนรถ จึงรีบลงมาจนลืมหยิบถุงมาด้วย เป็นถุงสีหม่นๆ และใส่ไว้ในถุงหิ้วของร้าน 7-11 อีกที
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงแรม เป็นแท็กซี่สีส้ม แต่มองไม่เห็นทะเบียน เพราะชาวจีนข้ามไปเรียกอีกฝั่งของถนน จากนั้นจึงประสานไปยังสำนักงานเขตปทุมวันเพื่อจะขอดูกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงอีกหลายจุด และพบแท็กซี่ที่คาดว่าจะเป็นผู้รับชาวจีน แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกมาสอบถามก็กลับไม่ใช่คันดังกล่าว
ต่อมา JS100 มีข้อมูลจากกล้องวงจรปิดจากบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม พบแท็กซี่สีส้มอีกคันหนึ่งที่แล่นผ่านในช่วงเวลาเดียวกัน เป็นแท็กซี่ทะเบียน ทห-7445 กทม. จึงตรวจสอบเพิ่มเติมกับกรมการขนส่งทางบก จนได้ติดต่อกับเจ้าของอู่ ให้ข้อมูลว่าคนขับแท็กซี่คันนี้ชื่อนายวรพงษ์ เพิ่งกลับมาขับแท็กซี่ได้ 2-3 วัน ทางด้านนายวรพงษ์ แจ้งว่า "รับชาวจีนทั้ง 2 คน แต่ไม่ได้สังเกตว่าถืออะไรมาด้วย และไม่ได้ไปส่งเพราะใกล้เวลาจะต้องไปส่งรถคืนที่อู่ และจากนั้นได้รับผู้โดยสารบริเวณแยก ถ.รองเมือง เป็นหญิง 3 คน นั่งหน้า 1 คน นั่งหลัง 2 คน ไปส่งยังบริเวณปิ่นเกล้า ซึ่งไม่ทันสังเกตว่าถืออะไรลงไปหรือไม่"
อย่างไรก็ตาม JS100 ติดต่อศูนย์วิทยุนครชัย เพื่อขอภาพวงจรปิดภายในรถ เนื่องจากเป็นรถ TAXI OK แต่ยังเห็นภาพไม่ชัดเจนมีการหยิบถุงเงินที่ชาวจีนลืมไว้ลงไปหรือไม่ และได้ส่งต่อข้อมูลและรายละเอียดที่พบทั้งหมด มอบให้ตำรวจ สน.ปทุมวัน ต่อไป
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 15 มิ.ย.62 ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน ติดต่อ JS100 แจ้งว่า ตามที่ได้ข้อมูลจึงได้เข้าไปตรวจสอบที่ศูนย์วิทยุนครชัย เพื่อขอภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหมด จนเห็นว่า นายวรพงษ์ คนขับแท็กซี่คันดังกล่าว ถือถุงที่มีลักษณะเดียวกันกับถุงที่ชาวจีนถือในโรงแรม รวมทั้งมีภาพนายวรพงษ์แวะเข้าไปบ้านพักก่อนหายไปจากรถประมาณ 49 นาที ก่อนที่จะนำรถมาส่งกะ โดยไม่ได้บอกเจ้าของอู่ ว่าพบอะไรมาในรถแท็กซี่ ตำรวจได้ติดตามไปที่ห้องพักของนายวรพงษ์ ใกล้กับอู่ ซ.กำนันแม้น 16 เมื่อไปตรวจสอบพบว่าข้าวของภายในห้องถูกเก็บไปหมด
จึงกระจายกำลังกันค้นหาจนพบตัว นายวรพงษ์ เดินอยู่ใกล้ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง จึงเข้าไปควบคุมตัว นายวรพงษ์ แจ้งว่าย้ายห้องพักไปอีกที่หนึ่ง และสารภาพว่าเก็บถุงเงินไปจริง โดยนำไปฝากไว้กับพี่ชายที่ จ.ราชบุรี ตำรวจได้ติดต่อไปที่พี่ชายทราบว่าเงินยังอยู่ จึงให้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.บ้านคา จากนั้นในรุ่งขึ้นมีรายงานว่า ถุงพลาสติกและเงินของกลางมาถึงที่ สน.ปทุมวัน แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอใช้เวลาในการสอบสวนเพื่อให้ปราศจากข้อสงสัยก่อน เนื่องจากเงินมีจำนวนมาก ประกอบกับล่ามแจ้งว่า ชาวจีนมีอาการป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล
จนกระทั่งวันนี้ 18 มิ.ย.62 เวลา 18.30 น. ผู้สื่อข่าว JS100 รายงานว่า ตำรวจ สน.ปทุมวัน ได้ส่งมอบเงินคืนให้กับชาวจีนแล้ว โดย ร.ต.ท.ชินดนัย วิลาวัลย์ รองสารวัตรสอบสวน สน.ปทุมวัน เจ้าของคดี ให้ข้อมูลโดยสรุปว่า วันนี้ชาวจีนพร้อมเพื่อนรวม 6 คน เดินทางมาให้การว่าเงินจำนวน 90,000 ดอลลาร์สหรัฐนั้น เป็นเงินที่ทั้ง 6 คน ถือเงินมาลงขันกันคนละ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปใช้ทำธุรกิจเกี่ยวกับความงาม เริ่มจากการนำไปซื้อคอนโดมิเนียมที่พัทยา มีเอกสารหลักฐานการจะซื้อจะขายถูกต้อง สอดคล้องกับคำให้การ ตำรวจจึงหมดข้อสงสัยที่มาของเงิน
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เงินอยู่กับนายวรพงษ์นั้น ได้หยิบออกมาใช้เป็นจำนวน 1,100 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 35,000 บาท) ชาวจีนไม่ได้ติดใจอะไร ขอเพียงได้เงินคืนก็พอใจแล้ว จึงขอให้ตำรวจถอนแจ้งความดำเนินคดีแพ่งนายวรพงษ์ฐานยักยอกทรัพย์ ก่อนรับเงินคืน 88,900 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.77 ล้านบาท) และเดินทางกลับ ทั้งนี้ชาวจีนดีใจและฝากเจ้าหน้าที่ไทยทุกคน รวมถึง จส.100 ที่ช่วยติดตามจนได้คืน ส่วนนายวรพงษ์นั้นถูกตำรวจดำเนินคดีปฏิเสธผู้โดยสาร เปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 1,000 บาท