สะเทือนใจ เด็กหญิง 11 ขวบถูกพ่อแท้ๆ ข่มขืน แม่เอะใจเห็นออกจากห้องน้ำพร้อมกัน
(18 มิ.ย. 62) พ.ต.อ.ฉกาจ เทียมวงศ์ ผกก.สภ.บ้านผือ ร.ต.อ.รณภพ ทิพย์สุวรรณ รอง สว.สอบสวน พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน สภ.บ้านผือ นำหมายศาล จ.อุดรธานี เลขที่ 144/2562 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2562 จับกุมตัว นายสง่า (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ชาวบ้าน ต.ข้าวสาร อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ในข้อหา "ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ที่มิใช่ภรรยาหรือสามีของตน โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยผู้นั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ และกระทำการอนาจารเด็กยังไม่เกิน 13 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใดๆ โดยเป็นการกระทำแก่ผู้สืบสันดาน ที่อยู่ในความปกครอง"
สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.อุดรธานี ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมืองอุดรธานี นำนางเอ (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ชาว สปป.ลาว และ ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี แม่และบุตรสาว เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายสง่า ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของ ด.ญ.บี โดย ด.ญ.บี ถูกข่มขืนกระทำชำเรารวม 5 ครั้ง ซึ่งก่อเหตุในห้องนอนและในห้องน้ำ ภายในบ้านของตนเอง
ร.ต.ท. รณภพ ทิพย์สุสวรรณ รอง สว.สอบสวน เปิดเผยว่า ได้ทำการสอบสวนนางเอ แม่ของ ด.ญ.บี ให้การว่า ตนเป็นชาวสปป.ลาว ได้มารู้จักและอยู่กินกับ นายสง่า มากว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งได้มารับจ้างกรีดยางที่สวนเดียวกัน ต่อมา นายสง่าถูกจับกุมข้อหา "จำหน่ายยาบ้า" ติดคุกที่เรือนจำกลางหนองคาย ประมาณ 9 ปี ตอนนั้น ด.ญ.บี อายุได้เพียง 8 เดือน
หลังจากนายสง่าพ้นโทษออกมาได้ 2 ปี ขณะ นางเอตั้งท้องลูกสาวคนที่ 2 ได้ประมาณ 6 เดือน ก็ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของนายสง่าและลูกสาว ตอนนั้นตนไม่คิดว่า สามีจะกระทำกับลูกแท้ๆ ของตัวเองได้ กระทั่งครั้งสุดท้ายเห็นสามีและลูกสาว ออกมาจากห้องน้ำด้วยกัน
หลังจากนั้น นางเอ พยายามสอบถามสามีและยอมรับว่าได้กระทำลูกสาวตนจริง แต่ทำไม่สำเร็จ ซึ่งนางเอได้ตรวจสอบอวัยวะเพศลูกสาว พบว่ามีร่องรอยฉีกขาดจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ และลูกสาวบอกตนว่าถูกพ่อบังคับข่มขืนมาหลายแล้ว หลังทราบเรื่องญาติของสามี ได้ว่ากล่าวตักเตือนให้นายสง่า หยุดการกระทำเสีย และขอไม่ให้แจ้งความดำเนินคดี ซึ่งนายสง่ารับปากว่าจะไม่ทำอีก ส่วนตัวลูกสาวบอกว่าพ่อจะใช้กำลังบังคับพูดข่มขู่ให้กลัวสารพัด และหากนำเรื่องราวไปบอกใครจะฆ่าให้ตาย
นางเอ ต้องอดทนในสภาวะที่จำยอม รอให้คลอดลูกสาวคนเล็กก่อน จึงได้พาลูกๆ หนีกลับไปอยู่ที่ สปป.ลาว เพราะหากสามีเมาเหล้ากลับมาบ้าน ก็จะลวนลามและอนาจารลูกสาวทุกครั้ง หลังสอบสวนปากคำเสร็จ เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ นำ ด.ญ.บี ไปตรวจร่างกาย ที่ รพ.บ้านผือ พบว่ามีร่องรอยถูกข่มขืนจริง จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดอุดรธานี
ร.ต.อ.รณภพฯ เปิดเผยต่ออีกว่า หลังจากนางเอ กลับไปอยู่ที่ สปป.ลาว จนลูกสาวคนเล็กอายุได้ 7 เดือน แล้วสามีได้เดินทางมาง้อ ขอให้พาลูกกลับไปอยู่ที่บ้าน แต่นางเอ ไม่ยอม นายสง่า ได้พูดจาข่มขู่ต่างๆ โดย นางเอ ได้พูดเกลี้ยกล่อม ว่าให้กลับไปก่อนแล้วจะตามกลับไป จนนายสง่ายอมเดินทางกลับไทย แต่นางเอก็ยังไม่กลับมา จนนายสง่าโทรศัพท์มาข่มขู่ทุกวันให้รีบพาลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน จนนางเอ หมดความอดทน จึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.อุดรธานี ให้มารับตัวเองและลูกสาวที่สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว อ.เมือง จ.หนองคาย แล้วได้พามาแจ้งความดำเนินคดีกับนายสง่าให้ถึงที่สุด ซึ่งในเบื้องตน นายสง่าให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนตัวนางเอและด.ญ.บี อยู่ในการดูและของเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็ก เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป