ภาคประชาชนยื่นรายชื่อริเริ่มเสนอ “พ.ร.บ.ปลดอาวุธ คสช.” ต่อประธานรัฐสภา

วันนี้ (20 มิถุนายน 2562) เวลา 13.30 น. ภาคประชาชน นำโดยโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) นัดหมายเข้าพบนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อยื่นรายชื่อ "ผู้ริเริ่ม" 20 คน เสนอ “ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกประกาศ คสช. คำสั่ง คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย” รวม 35 ฉบับ หรือที่เรียกอีกชื่อว่ากิจกรรม "ปลดอาวุธ คสช. ทวงคืนสถานการณ์ปกติ" ซึ่งประธานรัฐสภาจะนำไปวินิจฉัยต่อไปว่า ร่างกฎหมายนี้เป็นร่างกฎหมายที่ประชาชนสามารถเข้าชื่อกันเสนอได้หรือไม่

ณ อาคาร 9 ตึกทีโอที ที่ประชุมรัฐสภาชั่วคราว เวลา 13.20 น. ภาคประชาชนได้มาพร้อมกันที่บริเวณจุดแถลงข่าวของรัฐสภา ระหว่างที่รอนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา นายนิมิตร์ เทียนอุดม อธิบายที่มาที่ไปของกิจกรรม “ปลดอาวุธ คสช.” กล่าวถึงกิจกรรมในวันนี้ว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา คสช.ออกประกาศและคำสั่งลิดรอนอำนาจและสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทางเครือข่ายภาคประชาชนจึงรวมตัวและพูดคุยกันว่า จะปล่อยให้ประกาศและคำสั่ง คสช.อยู่เป็นกฎหมายต่อไปแบบนี้ไม่ได้แน่ จึงจัดกิจกรรมที่เรียกว่า ปลดอาวุธ คสช.ขึ้นมา ที่ผ่านมาฝ่ายปกครองแสดงท่าทีที่ดูแล้วจะไม่ชอบกิจกรรมนี้ผ่านหลายเหตุการณ์

ขณะที่ นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน กล่าวว่า ภาคประชาชนรวม 23 เครือข่ายใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 133 เข้าชื่อกันมากกว่า 10,000 คน เพื่อขอยกเลิกประกาศและคำสั่ง คสช. 35 ฉบับ ตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เคยกล่าวไว้ว่า จะยกเลิกเองในหลายๆ ฉบับและจะยกเลิกอย่างน้อย 68 ฉบับ ซึ่งหมายความว่า จะเหลืออีกหลายสิบฉบับที่บังคับใช้แม้ในยุคหลัง คสช. หมดอำนาจไปแล้วก็ตาม

นายยิ่งชีพ อธิบายเพิ่มเติมว่า ขอใช้สิทธิการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ด้วยการเสนอขอยกเลิกประกาศและคำสั่ง คสช. 35 ฉบับ เรื่องหลักๆ คือ สิทธิและเสรีภาพของประชาชน เช่น การนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร และการให้ทหารเข้ามายึดที่ดินทำกินของเกษตรกร รวมทั้งประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม ตอนนี้เตรียมพร้อมแล้วที่จะนำรายชื่อของประชาชนทั้งหมดยื่นต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 24 มิถุนายน 2562

ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลานัดหมาย 13.30 น. ประธานรัฐสภาลงมารับเอกสารรายชื่อริเริ่ม ก่อนจะขอตัวออกไปโดยระบุว่ามีประชุม และยังไม่มีการให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวหรือพูดคุยกับภาคประชาชนเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด