ลุงไก่ทอดเชียงใหม่ไม่รู้เรื่อง ดราม่า "หนอนในไก่" เชื่อถูกโพสต์กลั่นแกล้ง

ลุงไก่ทอดเชียงใหม่ไม่รู้เรื่อง ดราม่า "หนอนในไก่" เชื่อถูกโพสต์กลั่นแกล้ง

ลุงไก่ทอดเชียงใหม่ไม่รู้เรื่อง ดราม่า "หนอนในไก่" เชื่อถูกโพสต์กลั่นแกล้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ลุงเจ้าของร้านไก่ทอด ร้านหนึ่งเดียวที่หน้าโรงพยาบาลดังเมืองเชียงใหม่ ออกโรงปฏิเสธ "ไม่มีหนอนในไก่ทอด" หลังดราม่าหนุ่มโพสต์เตือนภัย ยืนยันเมื่อวานนี้ไม่มีใครเอาไก่ทอดมาคืน

จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งได้โพสต์ภาพไก่ทอดชิ้นหนึ่ง ที่ฉีกเนื้อข้างในออกมาพบว่ามีหนอนสีขาวตัวเล็กๆ ไต่ยั้วเยี้ยอยู่เป็นจำนวนมาก พร้อมกับเปิดใจถึงอาการเสียความรู้สึก หลังจากที่นำเอาไก่ทอดชิ้นดังกล่าวกลับไปให้พ่อค้าดู แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายกลับนิ่งเฉยและไม่ขอโทษลูกค้ากลับมาแต่อย่างใด ตามข่าวที่รายงานไปแล้วนั้น

ล่าสุดในวันนี้ (21 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ด้านหน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ เบื้องต้นพบว่ามีร้านค้าแผงลอยที่วางขายของเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่ม ก่อนจะพบร้านไก่ทอดเพียงร้านเดียวที่มีพ่อค้าขายอยู่ในย่านนี้ ทราบว่าเป็นร้านของ ลุงนาย (นามสมมติ) อายุ 65 ปี

>> อวสานมื้ออาหาร หนุ่มฉีกไก่ทอดเกือบเข้าปาก เหลือบเห็นหนอนไต่ยั้วเยี้ย

ลุงนาย ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว พร้อมกับยืนยันว่า เหตุการณ์ตามที่มีการโพสต์ออกไปนั้น ไม่ใช่ไก่ทอดจากร้านของตนอย่างแน่นอน โดยตลอดทั้งวันเมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.) ยังไม่มีลูกค้าคนไหนนำไก่ทอดที่ซื้อไปกลับมาคืน และตำหนิว่ามีหนอนไต่อยู่ในไก่ทอดตามที่มีการโพสต์อ้าง

ทั้งนี้ เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งกัน เพราะหากเป็นเรื่องจริง ผู้โพสต์ก็ควรจะต้องถ่ายรูปหน้าร้านให้ชัดเจน รวมทั้งถ่ายรูปเจ้าของร้าน ทั้งที่อุตส่าห์เดินกลับมาที่ร้านแล้ว รวมทั้งต้องระบุให้ชัดเจนด้วยว่าเป็นร้านใด เพื่อไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของถูกเหมารวมและได้รับความเสียหายกันไปหมด

พร้อมกันนี้ยืนยันอีกว่า ไก่ทอดที่ร้านของตนไม่มีทางที่จะพบหนอนไต่อยู่ข้างในอย่างแน่นอน เพราะตนเลือกใช้ไก่สดใหม่ทุกวัน และทอดไก่ให้เห็นที่หน้าร้านเสมอ

ขณะที่พนักงานร้านขายของแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงกันนั้น กล่าวว่า เมื่อวานนี้ตนไปบริเวณใต้สะพานลอยหน้าโรงพยาบาลนั้นพอดี และเห็นเหตุการณ์ช่วงหนึ่งที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้าพูดคุยกับทางลุงเจ้าของร้านเหมือนมีปัญหาอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ทันได้สนใจว่าเรื่องอะไร กระทั่งต่อมาพบว่าในโซเชียลมีเดียมีการโพสต์เรื่องราวดังกล่าว ดังนั้นจึงค่อนข้างเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะเป็นไปตามที่มีการโพสต์จริง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook