สายเขียวแทบหลั่งน้ำตา! เผาทำลายกัญชาของกลางกว่า 8 ตัน ย้ำไม่ต้องเสียดาย
(26 มิ.ย.62) ที่สนามที่ว่าการอำเภอเมืองนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ จากหน่วยงานเกี่ยวข้อง ร่วมพิธี เผาทำลายกัญชาของกลางจากการตรวจยึดและดำเนินคดีสิ้นสุดแล้วในพื้นที่ จ.นครพนม มี จำนวน ทั้งสิ้น 8,411 กิโลกรัม และพืชกระท่อม จำนวน 67 กิโลกรัม เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2562 เพื่อเป็นการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับการต่อต้านปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะพื้นที่ จ.นครพนม ติดชายแดน ทำให้ มีการลักลอบนำเข้ายาเสพติด ต่อเนื่อง และมีการตรวจยึดยาเสพติดมากขึ้นทุกปี
ซึ่งการเผาทำลาย ครั้งนี้ ได้มีการย้าย จุดจาก สนามกีฬากองร้อย อส.จังหวัดนครพนม ตั้งอยู่ในตัวเมืองนครพนม ออกมายัง สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมือง อยู่ ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 5 กิโลเมตร เพื่อไม่ให้กระทบกับชุมชน คาดว่าจะใช้เวลาเผาทั้งคืน โดยมีเจ้าหน้าที่ คอยตรวจสอบดูแล ต่อเนื่อง จนกว่ามีการสลายทั้งหมด นอกจากนี้ ยังได้มีการ ร่วมกันจัดกิจกรรม เดินรณรงค์ประชาสัมพันธ์ สร้างจิตสำนึกให้ ประชาชน ตลอดจน ลูกหลานเยาวชน ห่างไกล ยาเสพติด
สำหรับสถิติการตรวจยึดจับกุม ยาเสพติด ในรอบปี ที่ผ่านมา ของตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2561 ถึง 31 พฤษภาคม 2562 พบว่า มีการจับกุมตรวจยึดยาบ้า มากถึง 7,054,909 เม็ด กัญชาแห้ง 6,064,57 กิโลกรัม กัญชาสด 29 ต้น ยาไอซ์ 19.28 กิโลกรัม พืชกระท่อม 67.34 กิโลกรัม และ กาว 58 กระป่อง รวมมีการดำเนินคดี จำนวน 1,784 คดี ผู้ต้องหา 1,809 ราย
ทั้งนี้ยังมีการตรวจสอบพบว่า ปัจจุบัน ภายในเรือนจำกลางจังหวัดนครพนม มีผู้ต้องขังมากกว่า 4,000 คน ส่วนใหญ่เป็นคดียาเสพติด มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ โดยทางศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครพนม ยังคงต้องบูรณาการ ร่วมกับหน่วยงาน เกี่ยวข้อง เพิ่มมาตรการเข้ม ในการสกัดกั้นปราบปราม จับกุม ป้องกันการลักลอบขนส่งยาเสพติดตามแนวชาย รวมถึงการตรวจสอบจับกุม ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า อย่างต่อเนื่อง ลดการแพร่ระบาดมากที่สุด
นายณรงค์ชัย จันทร์พร เภสัชกรชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า สำหรับกัญชาดังกล่าวที่นำมาเผาทำลาย จากการตรวจสอบเบื้องต้น เป็นกัญชา ที่สิ้นสุดจากการดำเนินคดี และเป็นกัญชาที่ไม่สามารถจะนำไปสกัดเป็นตัวยาได้ เนื่องจากไม่มีคุณภาพ เพราะเก็บไว้นาน หลายปี บวกกับมีสารปนเปื้อนสูง เสี่ยงอันตราย หากนำไปสกัดเป็นยาอาจเกิดอันตราย ส่วนการเผาทำลายกัญชาทางเจ้าหน้าที่ได้มีการประเมินแล้ว ได้จัดทำการเผาแบบเปิดในที่โล่ง ห่างชุมชน มั่นใจไม่กระทบและไม่เป็นอันตรายกับชาวบ้าน เพราะกัญชาเป็นพืชธรรมชาติ เผาทำลายง่าย ส่วนยาบ้าจะได้นำส่งเข้าสู่กระบวนการเผาทำลายแบบปิด ที่ส่วนกลางต่อไป