สาวโร่ขอโทษโพสต์ "เมาแล้วขับไม่ถูกจับ" อ้างทำไปเพราะประชดแฟน

สาวโร่ขอโทษโพสต์ "เมาแล้วขับไม่ถูกจับ" อ้างทำไปเพราะประชดแฟน

สาวโร่ขอโทษโพสต์ "เมาแล้วขับไม่ถูกจับ" อ้างทำไปเพราะประชดแฟน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สาวเชียงใหม่เจ้าของโพสต์ "เมาแล้วขับไม่ถูกจับ จ่ายค่าปรับได้รับส่วนลด" สารภาพทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โมโหอยากประชดแฟน ยืนยันไม่มีเหตุเกิดขึ้นจริง จ่อกราบขอโทษตำรวจ

ความคืบหน้ากรณีโซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์ข้อความที่หญิงสาวได้โพสต์อวด เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมข้อหาเมาแล้วขับ แต่ปรากฏว่าไม่ต้องขึ้นศาล ซ้ำยังได้รับส่วนลดในการจ่ายค่าปรับด้วย ทำให้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นต่างๆ นานา พร้อมกับสงสัยว่ากรณีดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น

จากการตรวจสอบพบว่าหญิงสาวที่เป็นต้นเรื่องของโพสต์เรื่องดังกล่าวคือ นางสาวจอย (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยสอบถามถึงกรณีดังกล่าว เจ้าตัวยอมรับว่าเป็นคนโพสต์ข้อความดังกล่าวลงเฟซบุ๊กจริง แต่ก็เพื่อต้องการจะประชดแฟนหนุ่มที่แอบหนีเที่ยวกลางคืนเท่านั้น

>> สาวเชียงใหม่โพสต์อวด เมาแล้วขับไม่ถูกจับ จ่ายค่าปรับได้รับส่วนลด

โดยเมื่อคืนที่เกิดเหตุ ตนได้ออกไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนๆ และได้ผ่านไปที่ด้านหน้า สภ.ภูพิงค์ฯ พอดี ประกอบกับด้วยอาการมึนเมาและความโกรธแค้นแฟนหนุ่ม ทำให้เกิดความคิดที่จะทำอะไรประชดแฟน ด้วยการโพสต์เรื่องราวดังกล่าวลง เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และไม่คิดว่าจะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความเดือดร้อนและเสียหายต่อภาพลักษณ์

นางสาวจอย ขอยืนยันว่าเรื่องราวที่โพสต์ลงไปไม่ใช่เรื่องจริง ตนไม่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม เพราะเมาแล้วขับ และไม่มีการจ่ายเงินค่าปรับใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่โพสต์ลงไปและเกิดผลกระทบ ทำให้ตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก อยากจะกราบขอโทษทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำให้เดือดร้อน ทั้งนี้เตรียมจะเข้าพบกับทางผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรภูพิงค์ฯ เพื่อขอโทษและยอมรับผิดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์บานปลายเช่นนี้

นอกจากนี้ นางสาวจอย ยังบอกว่า ตนโพสต์ลงเฟซบุ๊กตอนเวลาประมาณตี 3 จากนั้นตอน 6 โมงเช้า มีคนรู้จักมาแจ้งว่ากลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตแล้ว เพราะเพจเฟซบุ๊กชื่อดังแชร์ออกไป ตนจึงรีบลบโพสต์ตัวเองออกไปทันที โดยยอมรับว่ารู้สึกเครียดจนนอนไม่หลับ และไม่กล้าเข้าไปอ่านข้อความฟีดแบกที่ได้รับมา เพราะเชื่อว่าส่วนใหญ่ตำหนิตนอย่างแน่นอน เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของชีวิต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook