พลังประชารัฐระส่ำ! "สุริยะ" ลั่นขอถอนตัวร่วมรัฐบาล หลังเจอสับเปลี่ยนเก้าอี้รัฐมนตรีอุตลุด
ความเคลื่อนไหวในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีกลับมาอยู่ในกระแสข่าวอีกครั้งในวันนี้ (28 มิ.ย.) เนื่องจากมีรายงานข่าวในสื่อหลายสำนักว่ากำลังมีการขยับปรับเปลี่ยนโยกย้าย รวมถึงถอดบุคคลบางตำแหน่งจากโผที่เคยมีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้
ซึ่งการเขย่าโผคณะรัฐมนตรีรอบล่าสุดเกิดขึ้นในโควตาของพรรคพลังประชารัฐเป็นหลัก โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่ากลุ่มสามมิตรเจอผลกระทบเยอะที่สุดจากความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น นั่นคือ ชื่อของนายอนุชา นาคาศัย ซึ่งเคยมีข่าวว่าได้รับการวางตัวให้เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กลับถูกถอดออกไป
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เดิมมีข่าวว่าได้รับการวางตัวให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็ถูกโยกให้ไปเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเว็บไซต์ The Bangkok Insight เปิดเผยถึงคำพูดของนายสุริยะว่า
“ผมรู้สึกงงมาก เมื่อท่านนายกฯ ถามว่า คุณรู้หรือยังอยู่กระทรวงไหน ผมก็ตอบไปว่า อยู่กระทรวงพลังงาน ท่านนายกฯ แย้งขึ้นทันทีบอกว่า ไม่ใช่ คุณอยู่กระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนกระทรวงพลังงานเป็นของคุณสนธิรัตน์ มีการตกลงกันไปแล้ว ท่านนายกฯ ยังย้ำด้วยว่า ไม่ต้องสลับไปสลับมาแล้ว ไม่ต้องให้ใครโทรมาหา ทั้งคุณสมคิดและคุณอุตตม ไม่ต้องให้ใครโทรมาหาผมอีก”
ขณะที่เว็บไซต์ข่าวดังกล่าวยังระบุอีกว่า นายสุริยะบอกเป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก เพราะเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรียังเรียกให้เข้าไปพบที่บ้านพัก แจ้งรายชื่อผู้ที่ได้เป็นรัฐมนตรีทั้งหมดแล้ว ซึ่งวันนั้นนายอนุชาก็ได้โควตารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แต่พอมาวันนี้ชื่อของนายอนุชาก็กระเด็นหายไป จึงไม่เข้าใจว่า ทำไมนายกฯ ถึงเปลี่ยนชื่อไปมาแบบนี้ พร้อมย้ำว่า นายกฯ ไม่เข้าใจเรื่องการเมืองมาก นึกอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน
“วันนี้ ผมขอไปสวดมนต์สงบสติอารมณ์ก่อน เพื่อที่จะได้คิดให้รอบคอบ แต่ส่วนตัวแล้ว ผมคงออกจากการร่วมรัฐบาล และจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวเลย ผมว่านาทีนี้ ผมออกดีกว่า” The Bangkok Insight รายงานคำพูดปิดท้ายของนายสุริยะ
ทั้งนี้ นอกเหนือจากกลุ่มสามมิตรที่ได้รับผลกระทบจากการเขย่าโผ ครม.ครั้งล่าสุดนี้แล้ว ยังมีการสลับตำแหน่งรัฐมนตรีในบางกระทรวงอีก คือ นายอัครา พรหมเผ่า น้องชาย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เดิมทีได้โควตาให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ก็ถูกปรับจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวง เหลือตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ โดยคาดว่าจะไปนั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมกับมีชื่อของนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐเข้ามาอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีดีอีแทน
แต่ก็น่าสังเกตว่า ผู้กองธรรมนัส มีการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กของตนเองโดยระบุว่าน้องชายขอถอนตัวไม่รับตำแหน่ง รมว.ดีอี แล้ว พร้อมกับอ้างอิงคำพูดของน้องชายที่ว่า ต้องการสานต่อการทำงานในพื้นที่จังหวัดพะเยา โดยเฉพาะการลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.พะเยา มากกว่า เพื่อผลักดันพะเยาโมเดลและพัฒนาท้องถิ่น
แหล่งข่าวยังเปิดเผยอีกว่าเดิมที นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนาไม่มีชื่ออยู่ในโผคณะรัฐมนตรี แต่ล่าสุดมีการต่อรองจากผู้ใหญ่ในรัฐบาลจนทำให้นายเทวัญติดโผเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ขณะที่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่ก่อนหน้านี้เคยมีชื่อนายสันติ พร้อมพัฒน์ อีกด้วย
เช่นกันกับนายสุชาติ ชมกลิ่น ที่หลุดโผ ครม. จากเดิมที่ได้โควตารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ล่าสุดมีการเปลี่ยนเป็นชื่อของ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งเดิม ม.ร.ว.จัตุมงคล ได้โควตารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แต่ปรากฏว่าตำแหน่งดังกล่าวพรรคพลังประชารัฐขอคืนให้กับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนปัจจุบันแทน รวมถึงยังมีข่าวบางกระแสระบุว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ที่โผ ครม.ก่อนหน้านี้มีชื่อกลับมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ชื่อหลุดหายไปในโผล่าสุด
ต้องจับตาว่าสถานการณ์ภายในพรรคพลังประชารัฐจะดำเนินต่อไปอย่างไร รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะเลือกแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแบบไหน เพราะคงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ในฐานะผู้นำรัฐบาล!!!