"จ๊ะ อาร์สยาม" เปิดใจบ้านมีโฉนดถูกต้อง แต่ไม่เคยรู้ที่ดินมีปัญหา ทำให้ขายไม่ได้

"จ๊ะ อาร์สยาม" เปิดใจบ้านมีโฉนดถูกต้อง แต่ไม่เคยรู้ที่ดินมีปัญหา ทำให้ขายไม่ได้

"จ๊ะ อาร์สยาม" เปิดใจบ้านมีโฉนดถูกต้อง แต่ไม่เคยรู้ที่ดินมีปัญหา ทำให้ขายไม่ได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เพิ่งจะมีข่าวดีถอยบ้านหรูอีกหลังย่านแจ้งวัฒนะมูลค่ากว่า 20 ล้านบาทไปไม่นาน แต่ล่าสุดงานก็เข้านักร้องลูกทุ่งสาว จ๊ะ อาร์สยาม อย่างจัง เมื่อมาทราบทีหลังว่าบ้านย่านบางบัวทองที่ตัวเองอยู่อาศัยในปัจจุบัน และผ่อนชำระจนได้โฉนดมาครอบครองตั้งแต่ปี 2559 ไม่มีสิทธิ์ขาย เพราะที่ดินดังกล่าวติดอยู่ในคดีฟ้องระหว่างโครงการกับเจ้าของเดิม ทั้งที่เป็นโครงการขนาดใหญ่มีชื่อเสียง

ล่าสุด จ๊ะ อาร์สยาม พร้อมทนาย นายมนตรี บานเย็น ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ?

จ๊ะ : "เกิดจากที่จ๊ะจะต้องขายบ้านหลังที่อยู่ปัจจุบันนี้ หลังที่เป็นข่าว ซื้อมาตั้งแต่ปี 2558 แล้วเราจะขายก็ขายไม่ได้ เพราะธนาคารไม่ยอมอนุมัติเงินให้กับคนที่จะมาซื้อหนู"

เพราะอะไร ?

จ๊ะ : "เพราะว่าที่ดินมีปัญหาค่ะ มีคดี ก่อนหน้านี้เราไม่เคยทราบมาก่อนเลยค่ะ ทั้งหนูและลูกบ้านกว่า 1,156 หลังคาเรือน ไม่เคยทราบ ตอนซื้อมาก็ไม่ได้มีการเช็กกับที่ดิน เพราะว่าตอนเราหรือคนอื่นซื้อก็ซื้อดาวน์ เวลาเราซื้อดาวน์จะมีเซลล์ที่ดำเนินการอยู่แล้ว หนูซื้อดาวน์ตอนปี 2558 หนูโปะปี 2559 วันที่ได้โฉนดคือ 17 พ.ค. ก็ไม่มีการบอกอะไรจากกรมที่ดิน"

บ้านในหมู่บ้านนั้นมีมูลค่าเท่าไหร่ ?

จ๊ะ : "มีตั้งแต่ 2-7 ล้าน ของเรา 3 ล้านกว่า รวมตกแต่งก็ 5 ล้าน แล้วหลังนี้คือหลังปัจจุบันที่เราอยู่ เป็นหลังแรกที่เราซื้อในกรุงเทพฯ เลย"

ทางโครงการว่าอย่างไรบ้าง ?

จ๊ะ : "ยังไม่ได้คุยกับทางโครงการเลยค่ะ ทางโครงการติดต่อมาทางผู้จัดการแต่ว่าเรายังไม่ได้คุย เอาจริงหนูไม่เคยรู้เพราะว่าวันที่หนูรู้คือวันพฤหัสบดีที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา เพราะเพื่อนเป็นคนส่งเรื่องนี้มาให้ หนูอยู่ต่างจังหวัด พี่สาวติดต่อไปที่โครงการแต่ติดต่อไม่ได้"

เห็นบอกว่ามีป้ายมาประกาศติดด้วย ?

จ๊ะ : "ใช่ ทุกวันนี้ยังติดอยู่"

ทนาย : "ตอนนี้น้องได้รับผลกระทบ รวมถึงประชาชนลูกบ้านอีก 1,156 หลังคาเรือน เวลานี้ยังเชื่อว่ากระบวนการทั้งหลาย ทางเจ้าของโครงการน่าจะมีการเจรจาและมีหนังสือแจ้งกับลูกบ้านทั้งหมด ว่ายินดีที่จะมาดูแลเรื่องความเสียหาย ยินดีเยียวยา ในขบวนการขั้นตอนกฎหมายทางน้องเอง ก็อย่างที่บอกว่าเป็นบ้านหลังแรกที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรง เมื่อเกิดปัญหาทั้งหลายทั้งปวง ก็มีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของโครงการ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่มีหนังสือเตือนไปยังกรมที่ดิน ไม่ใช่อายัดนะ แค่เตือนเฉยๆ ว่าที่ดินแปลงนี้ถ้ามีทำธุรกรรมใดๆ อาจจะมีการถูกเพิกถอน"

"เพราะฉะนั้นเมื่อน้องจะทำการขาย ผู้ซื้อเมื่อเห็นคำคำนี้ หรือหนังสือที่มาจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ไม่สามารถซื้อขายได้ แล้วมันสอดรับกับธนาคารที่จะปล่อยให้คนที่มาซื้อที่ปฏิเสธ เพราะฉะนั้นกระบวนการต่อไปนี้คงเป็นเรื่องของการเจรจา ไกล่เกลี่ย น้องเองไม่ต้องการ จะเป็นคดีความกับเจ้าของโครงการน้องการเจรจา ไกล่เกลี่ย ต้องการให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนได้รับการเยียวยา"

แสดงว่า ณ ตอนนี้ยังไม่ได้มีการฟ้องร้องเกิดขึ้นใช่ไหม ?

ทนาย : "ยังครับ ยังไม่มีอะไรเลย เป็นเรื่องเดิมระหว่างเจ้าของที่ดินแปลงเดิม ในฐานะลูกหนี้ที่โดนเจ้าหนี้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจากศาล เป็นคดีความเมื่อสิบปีก่อนหน้านั้น แต่ในกระบวนการขั้นตอนเขาน่าจะมาชอบด้วยกฎหมาย เพียงแต่มันมีช่องกฎหมายบางช่องเท่านั้นเองที่ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้นมา"

จ๊ะ รู้สึกอย่างไรบ้าง ที่จู่ๆ เรื่องนี้ก็มาเกิดขึ้นกับเรา ?

จ๊ะ : "ตอนแรกรู้สึกไม่เชื่อเลยค่ะ เพราะตอนที่หนูได้รับป้ายที่มาติดประกาศ หนูไม่เชื่อ ชื่อเป็นชื่อหนูแล้วอ่ะ หนูเลยคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่พอน้องที่จะซื้อบ้านหนูโทรมาบอกว่า ธนาคารไม่อนุมัติเพราะที่ดินมีปัญหา อันนี้คือเริ่มเชื่อแล้วแต่ยังไม่เต็มร้อย มาเต็มร้อยตอนที่อยู่กรมที่ดิน หนูไปเสียเงินคัดเลยว่าที่หนูมีปัญหาไหม สรุปที่หนูมีปัญหาจริงๆ ตอนนี้ก็เลยรู้สึกว่าขาดความเชื่อมั่นค่ะ เหตุผลที่หนูซื้อโครงการนี้เพราะเป็นโครงการใหญ่ หนูจึงรู้สึกเสียความรู้สึกกับโครงการนี้ ทำไมต้องเป็นขนาดนี้ หนูมาซื้อบ้านปี 2558 แต่เรื่องคุณมีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว คุณน่าจะบอกเราก่อนว่าที่ตรงนี้มีคดีอยู่นะ"

เรียกว่าเป็นการถูกหลอกได้ไหม ?

ทนาย : "ยังไม่ถึงขนาดนั้นครับ ไม่ถึงกับว่าถูกหลอก เป็นเพียงความเข้าใจที่เราไม่ได้รับข้อมูลจากเจ้าของโครงการ ซึ่งเป็น พรบ. ข้อมูลข่าวสาร จริงๆ แล้วควรจะแจ้งให้กับประชาชนได้รับรู้และรับทราบ เราในฐานะประชาชนทั่วๆ ไป ไม่มีใครรู้หรอกครับเวลาซื้อบ้านว่าที่ดินตรงนี้มีคดีอะไรไหม เพียงแต่คนที่เป็นเจ้าของโครงการเขาควรจะแจ้ง หรือแถลงให้เราทราบว่าคดีนี้อยู่ระหว่างอะไร ชั้นไหน อย่างไร"

ข้อเสนอที่เราจะยื่นให้โครงการมีอะไรบ้าง ?

จ๊ะ : "ความต้องการของหนูเลยนะคะมีอยู่อย่างเดียวเลย คือหนูอยากขายบ้านได้ เพราะหนูจะเอาเงินที่ขายบ้านหลังทุกวันนี้เพื่อไปซื้อบ้านหลังใหม่ อันนี้คือความต้องการของหนูเลยค่ะ"

มีโอกาสได้คุยกับเพื่อนบ้านถึงปัญหาที่เกิดขึ้นบ้างไหม ?

จ๊ะ : "หนูไม่เคยได้คุยกับเพื่อนบ้านเลยค่ะ เพราะหนูไม่เคยได้เข้ากลุ่มไลน์ ไม่ได้ไปประชุมเลย หนูจะคุยกับทนายและนำหลักฐานมาให้ทนายโดยตรงเลยค่ะ"

มีโอกาสเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่เรื่องจะจบ ?

ทนาย : "คือต้องเรียนแบบนี้ครับ ขั้นตอนอยู่ที่เจ้าหน้าที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งท่านก็ดำเนินกระบวนการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ผมเข้าใจท่านครับ เพราะหากท่านไม่ดำเนินการ ท่านก็จะโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ขณะนี้ท่ากำลังดำเนินการ ซึ่งท่านก็จะต้องมาชี้แจง ผมก็ฝากไปถึงท่านว่า ณ เวลานี้ ประชาชน 1,156 ครัวเรือนมีปัญหา เมื่อท่านดำเนินการไปแล้ว แล้วท่านไปร้องขอเพิกถอนสิทธิ์ของประชาชน 1,156 ราย รวมถึงคุณจ๊ะด้วย เราก็คงต้องคัดค้านในส่วนนี้"

"คงต้องเข้าไปสู่ในขบวนการของกฎหมายว่าขั้นตอนขอเพิกถอนนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ รวมถึงเรื่องของอายุความ เรื่องต่างๆ ตรงนั้นมันเป็นเรื่องของกระบวนการที่เราต้องเข้าไปต่อสู้เพื่อป้องกันสิทธิ์ของเรา ในฐานะที่น้องเป็นบุคคลธรรมดา เป็นบุคคลภายนอกที่มีเจตนาสุจริตตั้งแต่ตอนแรก ซื้อที่ดินมาโดยมีค่าตอบแทน สิ่งเหล่านี้กฎหมายคุ้มครอง ก็อยากจะฝากถึงเจ้าหน้าที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นะครับ ให้ดำเนินการไปโดยมองประชาชนเป็นตัวตั้ง"

คาดว่าระยะเวลาในการไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ให้จบ ?

ทนาย : "ทางเราพร้อมอยู่แล้วที่จะเจรจากับเจ้าของโครงการ จ๊ะมีความเสียหายแล้ว เขาไปติดต่อซื้อบ้านหลังใหม่พร้อมที่จะเอาเงินไปวางมัดจำแต่ปรากฏว่าต้องผิดสัญญากับเขา ประเด็นที่ 2 เมื่อมีการซื้อขายไปที่กรมที่ดินแล้วโอนไม่ได้ โชคดีที่เป็นน้องที่จ๊ะรู้จักกัน ถ้าเป็นคนอื่นมีการวางเงินมัดจำแล้วเราคงจะต้องโดนฟ้องอีก เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ที่มันเกิดขึ้น เผอิญเจ้าของโครงการเองมีการตอบรับ แจ้งมาทางจ๊ะแล้วว่าท่านยินดีที่จะช่วยเหลือเยียวยาในส่วนที่เกิดขึ้นเพราะฉะนั้นตรงนี้เราต้องคุยกับทางโครงการว่ามีแนวทางในการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายอย่างไร"

ตอนนี้จ๊ะก็ร้อนใจอยากขายบ้านเหมือนกัน กลัวมันจะยืดเยื้อไหม ?

จ๊ะ : "กลัวมากค่ะ เพราะเวลาทุกอย่างที่จ๊ะทำมันฟิกซ์ไว้หมดแล้ว จ๊ะต้องมัดจำบ้านหลังใหม่เดือน ก.ย. จ๊ะต้องจ่าย 7 ล้านตอนนี้จ๊ะมีเงินอยู่บางส่วน และอีกส่วนคือ เงินที่คาดว่าจะได้จากการขายบ้านหลังนี้ ซึ่งมันเป็นเงินที่แน่นอนเพราะน้องคนที่ซื้อต่อจ๊ะเขากู้แค่ล้านกว่าบ้านเพราะเขามีเงินสดอยู่แล้วสองล้าน"

เราให้โอกาสเขาคลี่คลายเรื่องนี้นานแค่ไหน ?

จ๊ะ : "ไม่มีระยะเวลาให้เขาเลยค่ะ แต่มีระยะเวลาให้ตัวเองคือ ต้องไปดาวน์บ้านหลังใหม่ ก.ย. นี้ ถ้าหนูไม่ดาวน์หนูผิดคำพูดเลย แล้วถ้าจ๊ะลดเงินดาวน์ก็อาจจะกู้ไม่ผ่าน เพราะจ๊ะเป็นศิลปินไม่มี Statement เลยต้องใช้เงินดาวน์เยอะถึงจะผ่านก็จะเป็นปัญหาของจ๊ะและบ้านหลังใหม่ ตอนนี้ก็กังวลทั้งเรื่องบ้านหลังเก่าและหลังใหม่ด้วย ตอนนี้ก็รอเจรจาก่อน ส่วนน้องที่ซื้อบ้านต่อจากจ๊ะ เขาก็ไม่อุ่นใจเลย เขาถามว่า พี่ถ้าหนูไม่ซื้อพี่จะโกรธไหม หนูเลยกังวล เพราะถ้าน้องไม่ซื้อก็ไม่มีใครซื้อหนูแล้ว แล้วจะทำยังไง หนูอาจจะไม่ได้บ้านหลังใหม่เลยเพราะไม่มีเงินไปดาวน์ถึง 7 ล้าน ถ้าหนูมีเงินไปดาวน์แค่ 4 ล้าน ก็อาจจะไม่ผ่าน นี่ก็เป็นปัญหาของหนูอีก"

เรื่องผ่านมานานแค่ไหนถึงตัดสินใจมาวันนี้ ?

จ๊ะ : "วันพฤหัสบดี จ๊ะรับเรื่องแต่ยังไม่เชื่อ มาเชื่อเมื่อวานนี้เพราะไปกรมที่ดิน"

แล้วบ้านหลังใหม่ตรวจสอบหรือยัง ?

จ๊ะ : "ยังค่ะ เดี๋ยวต้องกลับไปตรวจสอบ"

ทนาย : "ลูกบ้านเขาได้รับความเดือดร้อน สิ่งที่อยากร้องขอ ทุกอย่างมันพูดคุยไกล่เกลี่ยเจรจาได้ มันเคลียร์ได้มันมีทางออกหมด ขึ้นอยู่กับว่าท่านให้ความสนใจมากน้อยขนาดไหนเท่านั้นเอง"

ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนต่อไปจะซื้ออสังหาริมทรัพย์ต้องใส่ใจมากขึ้น ?

จ๊ะ : "ใช่ค่ะ การที่จ๊ะโพสต์ไปไม่ได้มีเจตนาจะว่าหรือใส่ร้ายโครงการเลย เพราะที่โพสต์ไปเป็นกรณีศึกษาให้กับคนอื่นด้วย เพราะคนที่ซื้อบ้านจ๊ะมั่นใจว่าไม่ค่อยมีใครที่จะไปเช็กหรอกว่าเซลล์ทำธนาคารผ่านแล้วกรมที่ดินผ่านจนมาเป็นโฉนดชื่อของเรา เราก็อุ่นใจแล้วเพราะโฉนดมันเป็นชื่อเราแล้วแต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ การซื้อบ้านต้องตรวจสอบเยอะและส่งไปหลายสำนักงาน"

อยากฝากบอกกับคนที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ต้องตรวจสอบอย่างไรบ้าง ?

จ๊ะ : "มีหลายคนส่งข้อความมาหาจ๊ะว่าจะต้องตรวจยังไง ต้องทำจดหมายไปที่กรมที่ดิน และที่ศาลล้มละลายกลางว่าที่ดินผืนนี้มีคดีอะไรหรือเปล่า"

ทนาย : "ตรงส่วนนี้ก็คงจะยุ่งยากนิดหนึ่ง ต้องให้ข้อมูลกับประชาชนว่าในการซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือการซื้อที่ดินต่อไปนี้ จริงๆ แล้วมันก็ไม่ควรจะทำหรอกนะครับ แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนจ๊ะอีก ก็คงจะทำหนังสือสอบถามไปยังกรมที่ดินก่อนอันดับแรก ถ้าที่ดินแปลงนี้มันมีปัญหาจะถูกอายัด เจ้าพนักงานเขาจะไม่โอนจะไม่ขายให้ เรื่องที่สองคงต้องไปที่ศาลล้มละลายกลางว่าที่ดินแปลงนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดหรือไม่ ก็คงมีสองหน่วยราชการที่เราน่าจะป้องกันตัวเราเองได้ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือซื้อบ้านที่ดินเหล่านี้ ก็คงเป็นการให้คำแนะนำพื้นฐานทั่วไป"

คิดว่าเป็นเรื่องซวยของเราไหม ?

จ๊ะ : "ซวยมากเลยค่ะ อย่างที่โพสต์เลยจ๊ะเป็นคนแจ็กพ็อตทั้งดวงดีและไม่ดี เรื่องนี้มันเป็นความซวยของจ๊ะ แต่จ๊ะก็คิดไปในทางกลับกันถือว่าเป็นบทเรียนโดยส่วนตัวของจ๊ะเป็นคนหละหลวมอยู่แล้วเวลาซื้อบ้านไม่เคยเก็บ ท.ด. 13, ท.ด. 15 จ๊ะเอาแค่โฉนดที่เป็นชื่อของจ๊ะแล้วเก็บแค่โฉนดอย่างเดียว พอเกิดเรื่องมันต้องใช้เดือนเลยนะคะ ท.ด. 13 กับ ท.ด. 15 หรือว่าสัญญาซื้อขายเก็บไว้ทั้งหมดเพราะว่ามันไม่แน่นอน เลยทำให้เรามีบทเรียนกับบ้านหลังใหม่ บ้านหลังใหม่บอกเลยว่าต้องเข้มงวดนิดหนึ่งกับเรื่องหลักฐานหลายๆ อย่าง เรื่องนี้ถ้ามองเป็นความซวยก็ซวย แต่ถ้ามองเป็นความโชคดีก็อาจจะทำให้เราเป็นคนรอบคอบขึ้น"

รอบข้างมีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือไหม ?

จ๊ะ : "เยอะเลยค่ะ ตั้งแต่เมื่อวานก็คุยโทรศัพท์ตลอด มีหลายคนจะมาช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้เราเยอะมากค่ะ"

อยากบอกอะไรกับเจ้าของโครงการให้เขาเข้ามาช่วยเหลือตรงนี้ ?

จ๊ะ : "จ๊ะก็วอนเจ้าของโครงการนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องเดือดร้อนของหนูจริงๆ เพราะหนูอยากขายบ้านแล้วหนูจะไปซื้อบ้านใหม่ จ๊ะอยากให้เข้ามาช่วยเหลือทั้งจ๊ะและลูกบ้านทั้งหมด คือจ๊ะพูดกับลูกบ้านว่าถ้ารอดก็รอดทั้งหมดนี่แหละ ถ้าไม่รอดก็ไม่รอดทั้งหมด เพราะฉะนั้นจ๊ะก็อยากอ้อนวอนโครงการ และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วย เพราะว่ามีคนที่ลำบากมากกว่าหนู วันที่ประชุมมีทั้งคนที่ร้องไห้ มันเป็นเงินก้อนแรกและสุดท้ายของเขากับบ้านหลังนี้ จ๊ะอยากให้ผู้ใหญ่ทุกฝ่ายทุกท่านเลยเข้ามาช่วยดูแลค่ะ"

>>"จ๊ะ อาร์สยาม" งงในงง ขายบ้านไม่ได้ทั้งที่โฉนดเป็นชื่อตัวเอง

>> สวยและรวยมาก "จ๊ะ อาร์สยาม" ยอมรับซื้อบ้านหลังงามราคา 20 ล้านจริง

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ "จ๊ะ อาร์สยาม" เปิดใจบ้านมีโฉนดถูกต้อง แต่ไม่เคยรู้ที่ดินมีปัญหา ทำให้ขายไม่ได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook