ไม่ต้องเลิกปลอม เพราะฉันชอบเสพเธอ
เลิกปลอมได้แล้ว คนเขาดูออกนะ!!!
ตอนนี้ใครๆ ก็แหก ก็จับโป๊ะกันสนุกสนาน ราวกับว่าทุกคนกำลังใฝ่หาความถ่องแท้ยองใยสวยจากภายในเป็นทองเนื้อเก้ากันหมด แต่คุณๆ ขา เคยถามตัวเองกันไหมว่า อันตัวเรานั้น ชอบความ “สมจริง” กันขนาดนั้นเลยหรือไม่อย่างไรเจ้าคะ หรือว่าจริงๆ แล้ว บิดพลิ้วหรือเหนือจริงขึ้นไปหน่อย เราอาจจะเอนจอยมากกว่าเดิม
ก่อนอื่น เทยขอยกตัวอย่างอะไรให้คุณๆ ลองอ่านกันซะหน่อยค่ะ
“ภูผา เด็กหนุ่มรูปหล่อ ประธานนักเรียน ม.ปลาย เขาเป็นนักกีฬาโรงเรียนที่สาวๆ ในโรงเรียนหลงใหล ความเข้มงวดของที่บ้านและการใช้ชีวิตของเขา ทำให้สาวๆ เหล่านั้นเข้าถึงตัวเขาได้ไม่ง่ายเท่าไหร่ เขากลับบ้านตรงเวลา มีรถรับส่งจากที่บ้าน มีเพียงพื้นที่ข้างสนามบาสเกตบอลที่จะเป็นอัฒจันทร์ให้เหล่าแฟนคลับของเขาได้ติดตาม เช่นเดียวกับเหมย เธอเป็นสาวเปิ่นใส่แว่น ที่สุดแสนขี้ลืม พรหมลิขิตพลิกผันให้เธอได้พบกับเขาในงานพรอมของโรงเรียน เขาเริ่มไปหาเธอที่บ้าน และพบว่าเธอมีงานอดิเรกน่ารักๆ ที่แสนจะดึงดูดอย่างการสะสมแสตมป์ เรื่องราวเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่ทว่าวันหนึ่งก็เกิดเหตุให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน เธอสะบัดมือเขาและตบเข้าที่ใบหน้าให้สาสมกับความใจร้ายของเขา เธอเดินหนี และเขาก็จับมือเธอไว้ แต่เธอก็สะบัดมือเขาแล้วเดินจากไป หลังจากนั้นก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เหล่าตัวร้ายที่เป็นศัตรูทางธุรกิจของครอบครัวภูผา ก็มาลักพาตัวเธอไปไว้ในโกดัง ภูผาจึงตัดสินใจบุกเดี่ยวเข้าไปช่วยเธอ เขาได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงเข้าที่แขนขณะที่ปกป้องเหมยเอาไว้ เธอซาบซึ้งใจในความรักของเขา และในที่สุดภูผาก็เอาชนะใจเธอได้สักที”
โรแมนติก จิกหมอน ขนาดนี้ อ่านเพลินๆ ก็ให้ชีวิตชีวาอยู่ไม่น้อย แต่เอาเข้าจริง ในเนื้อเรื่องสุดคลาสสิคนี้ มีความผิดปกติซ่อนอยู่มากมาย แม้ว่าเราจะปฏิเสธไม่ได้ถึงความบันเทิงของมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมันถูกนำมาทำเป็นซีรีส์ ที่ภูผาและเหมยรับบทโดยนักแสดงจากซีรีส์วัยรุ่นชื่อดังสักสองคนแล้วล่ะก็...
คุณเอ๊ย
SCMP
เอาล่ะ จดความฟินจิกหมอนในกระดาษทดกันไว้ก่อนค่ะ เพราะสมมติว่าเรามองข้ามเรื่องความบันเทิงออกไป เนื้อเรื่องสุดแสนจะโรแมนติกที่เทยสมมติมาให้อ่านนั้น มันก็กำลังสับขาหลอกอะไรบางอย่างโดยไม่รู้ตัวด้วยล่ะ แต่ก่อนที่เทยจะเฉลยว่ามันคืออะไร อยากจะแนะนำให้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า “แมรี่ ซู” กันก่อน
ขอย้อนเวลากลับไปในช่วงปี 1973 ด้วยความที่ช่วงปีนั้น มันเป็นช่วงที่ภาพยนตร์เรื่อง Star Trek กำลังบูมได้ที่ ฮอตฮิตติดตลาด มันก็เกิดสิ่งที่เรียกว่า “แฟนฟิค” ของ Star Trek ขึ้นมามากมาย แฟนฟิคคืออะไรหรือ มันก็คือ ฟิคชั่น หรือ นิยาย ที่เขียนโดย แฟนๆ ของสิ่งนั้นๆ เพื่อต่อยอดความสนุก เร้าอารมณ์จากสิ่งที่เพิ่งได้เสพไปนั่นเอง แต่ไม่ได้ถูกนับเป็นเรื่องราวหลักอย่างเป็นทางการ ง่ายๆ ก็คือ แฟนๆ ดูอะไรมา อินเอง เขียนเอง แล้วก็อินสิ่งที่เขียนกันเอง ครื้นเครงจะตาย
ทีนี้ก็มี Paula Smith นักเขียนคนหนึ่ง นางก็เป็นหนึ่งในคนที่ศึกษางานเขียนแฟนฟิคของ Star Trek เหล่านั้น ชีก็เลยเอะใจ เห็นข้อสังเกตขึ้นมาว่า ไอ้ทุกเรื่องที่แฟนๆ เขาเขียนกันเนี่ย จะต้องมีตัวละครใหม่ผุดขึ้นมาและได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของยาน แล้วก็จะต้องถูกหนุ่มๆ ในยานตกหลุมรักขึ้นมาเสียอย่างนั้น ดังนั้น เธอก็เลยเขียนแฟนฟิคขึ้นมาซ้อนแฟนฟิคอีกที แบบแฟนฟิคในแฟนฟิค โดยเธอใช้ชื่อเรื่องว่า A Trekkie's Tale โดยมีตัวละครเอกชื่อว่า Mary Sue
แฟนฟิคที่เธอเขียนขึ้นมานั้นมันสั้นมาก ย่อหน้าเดียวก็จบ และเธอก็ตีพิมพ์มันเอง ในนิตยสารแบบ Fanzine ที่ไม่เป็นทางการ
Wikipedia
โดยเนื้อหาคือการล้อเลียนตัวละครประเภทที่อยู่ดีๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในเส้นเรื่องนั้น กะพริบตาหวานใส แล้วกัปตันเคิร์กกับผู้ช่วยกัปตันสป็อค ก็ต้องวนเวียนมาพูดคุยกับเธอ ท้ายที่สุด ด้วยความสามารถและความสวยของเธอ ทำให้ยานเอนเตอร์ไพรส์ต้องตั้งวันเกิดของเธอ เป็นวันหยุดประจำชาติของยาน
ไปให้สุดเลยนะคะคุณขา...
ถึงมันจะสั้นแค่นี้ นิทานอีสปก็ไม่สู้ แต่ทว่ามันก็ได้รับการเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง และถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างเลยค่ะ จนชื่อ “แมรี่ ซู” กลายเป็นชื่อเรียกตัวละครที่ชวนโอ้โห ปลอมป้ะแก ในช่วงหลายปีต่อมา ถึงขั้นมันกลายเป็นโจทย์ที่คนทำงานเขียนทั้งนิยาย วรรณกรรม บทซีรีส์ โทรทัศน์ และภาพยนตร์ ต้องใช้แมรี่ ซู เป็นบรรทัดฐานในการตรวจสอบเส้นเรื่องและตัวละครของตัวเองเลยทีเดียวค่ะ
ตัวละครแบบแมรี่ ซู คืออะไรน่ะหรือ ก็คือตัวละครประเภท เหนือจริงไปซะทุกอย่าง ทำได้ทุกอย่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เขียนได้พยายามใส่ลงไปให้ตัวละครเป็นเหมือนเครื่องสังเวยความรู้สึกของตัวเองให้ได้ขยำขยี้ ปู้ยี่ปู้ยำมันอย่างไรก็ได้จนหนำใจค่ะ ซึ่งสิ่งที่ แมรี่ ซู จะมีบ่อยๆ ก็คือ
1. มีคุณสมบัติ ดีเวอร์ และคุณธรรมที่ โอ้โห ยึดมั่นไว้แบบมือสะอาดสุด ชีวิตไม่เคยโกรธใครเลย
2. ชีวิตต้องรันทด บัดซบ ทนทุกข์ ต้องฝ่าฟันแล้วฝ่าฟันอีก แต่ก็ไม่เคยปริปากบ่น
3. ลักษณะกายภาพภายนอก ต้องมีอะไรสักอย่างโดดเด่นขึ้นมา แบบชวนให้ทุกคนหันมามอง
4. อยู่ดีๆ ก็มีสกิลแฝง พลังพิเศษ ผุดขึ้นมาทำให้รอดจากสถานการณ์คับขันได้เสียเฉยๆ
5. ใครไม่ชอบตัวละครนี้ ในเรื่องคือเป็นตัวร้ายแน่นอนจ้า
และสิ่งที่พิเศษมากๆ ก็คือ “ตัวเอกจะต้องชอบฉันเสมอ” เมื่อฉันเข้าไปในเหตุการณ์นั้นๆ เรื่องจะต้องหมุนตามฉัน นั่นแหละ “แมรี่ ซู”
แน่นอนค่ะว่าหลังจากคำว่า แมรี่ ซู เริ่มทำให้เราเห็นคาแรกเตอร์เหนือจริงที่ทำขึ้นมาเพื่อเอาใจคนเสพแล้วนั้น หลังจากนั้นก็เริ่มมีการตั้งข้อสังเกตตัวละครมากมายในโลกภาพยนตร์และสื่อคอนเทนต์ต่างๆ ว่าแบบ เฮ่ย ฉันว่าหลายตัวมันก็เข้าข่ายอยู่นะ
เช่น 1. แฮร์รี่ พอตเตอร์
Buzzfeed
มีการโจมตีตัวละครนี้ว่าเข้าข่ายการเป็นแมรี่ ซูอยู่มาก ด้วยตรงตามลักษณะหลายข้อที่เทยเมาท์ไป แต่ก็มีข้อแก้ต่างมาให้ว่า จริงๆ แล้วแฮร์รี่ พอตเตอร์นั้น ก็ใช่ว่าจะเก่งไปทุกอย่าง มีตัวละครที่คอยมาหักล้างความเก่งของเขาเสมอ และเขาก็ไม่ใช่พ่อมดที่เก่งที่สุดในเรื่อง และหวิดตายมาหลายครั้งเสียด้วย
2. อาร์เวน
ตัวละครจาก The Lord of the Rings ที่หลายๆ คนก็ขมวดคิ้วใส่นางว่าแบบ เฮ่ย อยู่เพื่อเป็นความสวยงามของเรื่องไม่พอ ยังยิงธนูได้ มีเวทมนตร์ประจำกายไปอีก ใช่แน่ๆ แบบนี้มัน แมรี่ ซู แท้ๆ แต่ก็มีข้อหักล้างมาว่าเธอไม่ได้แย่งซีนใคร ปรากฏตัวน้อยมากๆ และสกิลของเธอ ก็เป็นสกิลของเผ่าพันธุ์เอลฟ์ดั้งเดิมอยู่แล้ว แถมช่วงที่เซารอนกำลังจะเรืองอำนาจ เธอก็จวนเจียนจะตาย ไม่อาจจะอยู่ใน Middle Earth ได้เช่นกัน
แม้สองตัวละครนี้จะมีข้อโต้แย้งมาหักล้าง แต่ตัวละครหนึ่ง ที่หนียังไงก็ไม่รอด ก็คือตัวละครในหนังรักวัยรุ่นมัธยมปลายไฮสคูลวัยใส ที่หลายๆ เรื่อง นางเอกจะต้องเป็นนางเปิ่น เรียนไม่ได้เรื่อง ไม่มีคนสนใจ เสื้อผ้าหน้าผมก็แปลกประหลาด และที่พบได้บ่อยที่สุดก็คือความซุ่มซ่าม ชนิดเดินไปไหนมาไหนเป็นสะดุดล้ม และเดชะบุญ พรหมลิขิต พระเอกจะต้องอ้าขาผวาปีกมารับตัวไว้ทุกครั้งไป ละครไทยเนี่ยเห็นบ่อย ส่วนตัวร้ายก็จะต้องเริ่ดๆ เชิดๆ สวยๆ มั่นๆ ที่ถูกจับคู่กับตัวเอกอยู่แล้ว และอยู่ดีๆ ก็มาปิ๊งรักกับนางเอกที่ไม่ค่อยมีใครสนใจเลย
ซึ่งเนื้อเรื่องแบบนี้ มันแทบจะเป็นมาตรฐานหนังวัยรุ่นในช่วงยุค ‘90s เลยก็ว่าได้
Cinema Blend
มีข้อโต้แย้งมากมายเกี่ยวกับแมรี่ ซูว่า ถ้ามัวแต่เอาลักษณะของนางมาเช็ค ก็ไม่เป็นอันต้องเขียนอะไรกันละ เพราะอย่างไรเสีย งานเขียน มันย่อมต้องเป็นภาพสะท้อนของผู้เขียนอยู่แล้วที่อยากให้ตัวละครแทนสิ่งที่ตัวเองอยากให้เป็น อย่างเช่นในแฟนฟิคหลายๆ เรื่อง ที่คนเขียนมักจะเป็นผู้หญิง ก็จะชอบวางคาแรกเตอร์ตัวเอกผู้หญิงไว้เป็นคนที่ไร้ความน่าสนใจที่สุด เพื่อรอให้ผู้ชาย หรือตัวเอกหันมามอง
และเช่นกัน หากผู้เขียนอินเรื่องการต่อสู้ แอคชั่นมากๆ และชื่นชมเรือนร่างของผู้หญิงมากๆ การออกแบบคาแรกเตอร์ของตัวละครหญิงก็จะมีความหน้าอกหน้าใจชัดๆ แต่สกิลการต่อสู้ก็ยังจัดจ้านอยู่ สิ่งเหล่านี้ หลายคนก็ว่ามันเป็น “เรื่องปกติ” ที่จะเกิดขึ้น
แต่หายนะจากแมรี่ ซู มันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ หากเราไม่มีการวางที่มาที่ไปของตัวละครไปมากๆ เข้า เรื่องมันก็จะ “เละ” ในที่สุด อยู่ดีๆ ตัวละครก็เกิดสิ่งโน้นสิ่งนี้ขึ้นมาและขาดความเป็นมนุษย์ไปเสีย และท้ายที่สุด เมื่อคนเสพจับต้นชนปลายไม่ถูก ก็พานแต่จะเกาหัว แล้วก็เลิกเสพไปโดยปริยาย
ฉะนั้นในหลายๆ งานโปรดักชั่น เขาจึงมีการ “ประชุมบท” กันอย่างแข็งแรงก่อนจะเริ่มงาน เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่เข้าถึงทุกคนได้มากที่สุด มีการทำสิ่งที่เรียกว่า “Character Analysis” หรือบทวิเคราะห์ตัวละครอย่างละเอียด ว่าเขาเป็นสิ่งนี้ได้เพราะอะไร ปัจจัยอะไรหล่อหลอมให้เขาเป็นคนแบบนี้ และคิดถึงตัวละครทุกตัว ไม่ใช่แค่จะเอาตัวหลักเป็นแกน แล้วให้โลกทั้งใบหมุนรอบเอา นั่นมันก็เกินไป๊
จะสังเกตได้ว่าหากเรื่องใดมีการทำตัวละครทุกตัวมาอย่างดี ไม่ว่าจะหันเลนส์ไปหาตัวละครไหน มันก็เล่าที่มาที่ไปได้หมด อย่างเช่นใน Marvel Cinematic Universe ที่หลายๆ ตัวละครเขามีเรื่องราวเป็นของตัวเอง จนแตกแขนงไปเป็นภาพยนตร์ได้หลายเรื่อง มองจากมุมไหนเข้ามา ตัวละครเขามีที่มาหมดเลย ไม่จ้อจี้
คนเสพสื่อเองก็จะพลอยมีหลักคิดอย่างสมเหตุสมผล มี “ตรรกะ” ในหัว ให้เข้าใจตัวละครได้ทุกตัวทั้งตัวร้ายตัวดี ไม่ใช่ว่าตัวนี้ดี ก็ร๊ากรักปานจะดอมดม แต่ใครมาร้ายใส่ตัวเอกของฉัน แกมันชั่ว สารเลว ฆ่ามันเลยฮีโร่ของฉัน แบบนั้นมันก็กร่อนสมองคนเสพน่าดูเหมือนกันเนอะ
แต่ในบางสังคมอ่ะค่ะคุณขา คนเสพบางกลุ่ม ก็พอใจที่จะเสพตัวละครประเภทแมรี่ ซู ก็มีนะคะ โดยไม่สนด้วยว่าที่มาที่ไปของเรื่องมันจะสมจริงแค่ไหน แต่ถ้าเปิดมาแล้วตัวเอกมันตรงใจฉันล่ะก็ฉันเสพลืมตาย ทิ้งตรรกะและเหตุผลไปจนหมดสิ้น เรื่องเล่าในกระทู้ยันรายการวิทยุก็เป็นเรื่องจริงได้หมด ลองฉันชอบแล้ว แมรี่ ซู ก็แมรี่ ซูเถอะ ไม่สมจริงแล้วไงอ่ะ ก็ฉันเสพเอาบันเทิง
แหม… รสนิยมอ่ะโนะ
อย่างเช่นคุณภูผา เด็กหนุ่มรูปหล่อที่เทยลองเขียนสมมติให้คุณๆ อ่านกันตอนแรกเนี่ย พระเอกหนุ่มหล่อที่เป็นประธานนักเรียนที่แถมเป็นนักกีฬาโรงเรียนด้วย หากเขาสามารถควบสองตำแหน่งนี้ได้จริงๆ ขึ้นมา มันไม่มีทางเลยที่เขาจะดูเข้าถึงตัวยากเพียงเพราะกลับบ้านตรงเวลาและมีรถรับส่งจากที่บ้าน การเป็นนักกีฬาโรงเรียนที่ต้องมีการซ้อมที่ดึกดื่นและการควบสองกิจกรรมต่างหาก ที่น่าจะเป็นตัวปิดกั้นไม่ให้เขาได้พบสาวๆ รุ่นน้องที่ตามแอบชอบ การผุดเรื่องกฎระเบียบเคร่งครัดจากทางบ้านขึ้นมาปรุงแต่งให้ตัวละครนี้มีเรื่องเกี่ยวกับทางบ้าน มีความเคร่งขรึม เข้าถึงตัวยาก ดูเป็นเทพบุตรจุตินั่นนี่ก็ชวนขมวดคิ้วเบาๆ ว่า เพื่อ?
ยังไม่รวมถึงโชคชะตาที่พลิกผันให้มาเจอกับสาวเปิ่นที่แทบจะถูกลืมในโรงเรียนและตกหลุมรักเธอ ความเป็นไปได้ที่จะเห็นเธอมีตัวตนในงานพรอมโรงเรียนอาจจะต้องมีรายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติมเข้ามาอีก และหากสมมติมันเกิดขึ้นจริง สาวขี้ลืมอย่างเหมย ก็คงไม่มีงานอดิเรกในการสะสมแสตมป์ผุดขึ้นมาให้ภูผาของเรารู้สึกประทับใจ คนขี้ลืมจะมาละเมียดในการสะสมของได้ด้วยเนี่ยนะ บันลือโลก!
เหมยพลั้งมือตบภูผาไปในวันที่ทะเลาะกัน เธอสะบัดสะบิ้งด้วยความงี่เง่าและเจ้าอารมณ์ ภูผาเองก็ดันมีความเป็นสุภาพบุรุษเหลือเกินที่คว้ามือเธอไว้ หากแต่ในความเป็นจริง คงเป็นการยากมากที่ใครสักคนจะคว้ามือคุณไว้ด้วยสายตาวิงวอน หลังจากที่คุณตบหน้าเขาไปเต็มแรงแล้วล่ะนะ หากสาวๆ คนไหนทำแบบนี้กับคนรัก แล้วไม่โดนอะไรสวนกลับ หรือโดนแจ้งความทำร้ายร่างกาย นับว่าพวกคุณทำบุญมาดี
เช่นเดียวกับสกิลการต่อสู้ของภูผาที่ผุดขึ้นมาอย่างง่ายดาย เขาบุกเดี่ยวเข้าไปช่วยเธอตัวคนเดียวและโดนยิงเข้าที่แขน (อีกแล้ว!!!) ทั้งๆ ที่มันไร้เหตุผลสิ้นดี ที่คู่แข่งทางธุรกิจของครอบครัวจะปองร้ายครอบครัวนี้ ด้วยการจับตัวแฟนของลูกชายมาทำร้ายแทนที่จะเป็นคนในครอบครัวตรงๆ
ฉะนั้นนะคะคุณขา เทยว่าเวลาเสพอะไรก็ตาม สติค่ะ คิดหน้าคิดหลัง คิดแล้วคิดอีก อย่าไปทึกทักว่าอะไรจริงขนาดนั้นนะคะคุณ ตีซะว่ามันจริงสัก 99.99% เหมือนประชาธิปไตยก็ได้นะคะ สมองจะได้ไม่โดนล้างไปซะก่อน
อย่าอินเกิน มันแค่ละครค่ะ
เหยี่ยวเทย รายงาน