หัวใจแทบสลาย เด็ก ม.5 โดนเพื่อนชายเล่นแรง ล้มฟาดใส่กระจกแตก-บาดใส่ร่าง

หัวใจแทบสลาย เด็ก ม.5 โดนเพื่อนชายเล่นแรง ล้มฟาดใส่กระจกแตก-บาดใส่ร่าง

หัวใจแทบสลาย เด็ก ม.5 โดนเพื่อนชายเล่นแรง ล้มฟาดใส่กระจกแตก-บาดใส่ร่าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นักเรียน ม.5 เมืองประจวบฯ ต้องการแค่คำขอโทษ ถูกเพื่อนผู้ชายแกล้งแรงไปหน่อย เดินผ่านเตะก้น ล้มหัวฟาดประตูกระจกแตกทั้งบาน บาดใบหน้า-แขนเลือดอาบ เย็บถึง 17 เข็ม

ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากเรื่องราวที่ถูกแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นภาพนักเรียนหญิงชั้น ม.5 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง สวมใส่เครื่องแบบนักเรียนเปื้อนเลือด หลังได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลที่บริเวณใบหน้าและแขน แพทย์ต้องเย็บแผลถึง 17 เข็ม โดยเจ้าของโพสต์ระบุว่า เป็นภาพของหลานสาวที่ได้รับบาดเจ็บจากกรณีที่อ้างว่าการหยอกล้อเล่นกันของเด็กๆ

เมื่อวานนี้ (3 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า พร้อมกับเดินทางไปยังบ้านพักของผู้เสียหาย ก่อนจะพบกับ นางนิด (นามสมมติ) และ น้องหนึ่ง (นามสมมติ) อายุ 16 ปี เด็กนักเรียนห้องท็อปของโรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด

อาการบาดเจ็บล่าสุดของน้องหนึ่ง ยังพบว่าบริเวณใบหน้ายังมีอาการบวมอักเสบและแขนขวาข้างถนัดมีอาการบวมและตึง ไม่สามารถงอแขนได้ในช่วงนี้ โดยบาดแผลทั้งหมดแพทย์ได้ทำการเย็บให้ 17 เข็ม ประกอบด้วยแก้มซ้าย 3 เข็มใต้คาง 5 เข็ม และที่แขนขวาอีก 9 เข็ม ซึ่งน้องหนึ่งยังคงพูดสื่อสารได้ลำบาก เพราะยังมีอาการเจ็บแผลที่แก้มอยู่

น้องหนึ่ง เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เกิดเหตุขึ้นเมื่อช่วงบ่ายๆ ของวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ตอนนั้นเป็นช่วงคาบพักระหว่างเรียน ตนได้เดินทางไปรุ่นน้องชั้น ม.4 เมื่อเดินไปถึงก็เจอกับเพื่อนผู้ชายที่เป็นคู่กรณี ซึ่งเรียนอยู่ห้องเดียวกัน กำลังยืนอยู่ทางข้างหน้าที่ตนจะเดินผ่าน

แต่ปรากฏว่าอยู่ๆ เพื่อนก็แกล้งยกเท้าขึ้นมาเตะก้นอย่างแรง ทำให้ตนรู้สึกตกใจและโกรธมาก ต้องการจะเอาคืน จึงได้หันไปคว้ามือเพื่อนเพื่อที่จะสู้กลับ แต่ก็ดึงแขนกันไปมา กระทั่งตนหมดแรง และเป็นจังหวะที่คู่กรณียังออกแรงเหวี่ยงตน ทำให้ตนเสียหลักล้มศีรษะฟาดเข้ากับประตูห้องเรียน ม.4 กระทั่งกระจกทั้งบ้านแตก และโดนบาดเข้าที่ใบหน้าและแขน มีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก

ในนาทีนั้นทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกใจช็อก ขณะที่ตนรู้สึกมึนงงเพราะแรงกระแทก และเหตุเกิดขึ้นเร็วมาก ตนสังเกตเห็นเพื่อนคู่กรณีมีอาการหยุดนิ่งไปเช่นกัน ก่อนที่จะเข้ามาช่วยพยุงตนไปนั่ง ได้ยินเสียงใกล้ๆ ว่า ไม่น่าทำแบบนี้เลย แต่ไม่มีคำขอโทษจากปากเพื่อนคนนี้เลยสักคำ

หลังเกิดเหตุคุณครูและเพื่อนคนอื่นๆ ก็เข้ามาช่วยกดแผล เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้นเรียกรถพยาบาลมารับไปส่งที่โรงพยาบาล เพื่อเย็บทำแผลให้เรียบร้อย และมาจนถึงขณะนี้เพื่อนที่ก่อเหตุก็ยังไม่ได้มาขอโทษต่อหน้าตนเลย มีเพียงแค่ส่งข้อความมาขอโทษตน และมาบอกเรื่องการบ้านที่คุณครูสั่ง เหมือนๆ กับเพื่อนคนอื่นเป็นห่วงและแจ้งเรื่องเรียนมา

น้องหนึ่ง ยังกล่าวต่อว่า ตนยืนยันว่าตนกับเพื่อนผู้ชายคนนี้ไม่ได้ทะเลาะบาดหมางกันใดๆ มาก่อน เพราะเป็นเพื่อนร่วมชั้น แต่เพื่อนคนนี้มักจะเล่นอะไรกันคนอื่นแบบแรงๆ แม้กระทั่งเพื่อนผู้หญิงก็ไม่ละมือ ที่ผ่านมาตนก็เคยโดนเล่นแรงๆ แบบนี้มาก่อน แต่ก็ตอบโต้กลับไปบ้าง แต่ครั้งนี้ถือว่ารุนแรง เพราะเพื่อนมาเตะก้น ทำให้ตนรู้สึกโกรธ และต้องการจะตอบโต้เอาคืน กระทั่งมาเกิดเป็นเหตุเช่นนี้ เพราะตนก็สู้แรงผู้ชายไม่ได้

ส่วนอาการบาดเจ็บ แผลที่แก้มเริ่มแห้งแล้ว แต่ยังอ้าปากไม่ถนัด แผลที่แขนที่เป็นแผลขนาดใหญ่และเนื้อหายไปบางส่วนนั้นเวลาเปิดล้างแผลยังมีเลือดไหลออกบ้าง แต่ยังขยับแขนหรืองอแขนไม่ได้ แต่เริ่มกำนิ้วมือได้บ้างแล้ว ซึ่งในช่วงแรกตนก็ตกใจมากที่นิ้วมือขยับ ไม่ได้เพราะกลัวจะเขียนหนังสือไม่ได้อีก

ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องมาราวๆ 1 สัปดาห์แล้ว ทำให้ตนต้องหยุดเรียนไป 4 วัน โดยในวันแรกๆ แผลปวดระบมและอักเสบมาก แทบกินอะไรไม่ได้เลย ทำได้แต่จิบน้ำหวานแก้หิว ส่วนตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับ เพราะปวดแผลถึงเช้า ตอนนี้ตนคิดถึงช็อกโกแลตขนมโปรด แต่ก็ไม่สามารถกินได้ เพราะคุณหมอให้งด รวมถึงงดอาหารอีกหลายอย่าง เพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น

ทั้งนี้ ตนยอมรับว่ายังรู้สึกโกรธเพื่อนคนนี้อยู่ เพราะทำให้ตนต้องเสียโอกาสทางการเรียน ตนยังไม่รู้ว่าจะกลับไปเรียนได้อีกเมื่อไหร่ ตนไม่อยากเป็นแผลบนใบหน้าหรือแขน ที่ผ่านมาตนตั้งใจเรียนหนังสืออย่างหนัก สัปดาห์ละ 6 วัน และผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้ครอบครัวพอใจ เพราะตนตั้งเป้าเรียนต่อทางด้านนิติศาสตร์ เพื่อเป็นผู้พิพากษาสูงสุดให้ได้ แต่ถึงแม้จะยังโกรธเพื่อนอยู่ แต่ตนก็อยากจะให้อภัยเพื่อน หากเพื่อนแสดงความรับผิดชอบและมาขอโทษต่อหน้าจากใจจริง

ขณะที่ แม่ของน้องหนึ่ง เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุผู้ปกครองของเพื่อนลูกที่เป็นคู่กรณี ได้เสนอให้ความช่วยเหลือให้เงินจำนวน 5,000 บาท เพื่อขอให้จบเรื่องนี้ แต่ตนไม่ขอรับ เพราะมองว่าลูกสาวคนเดียวต้องบาดเจ็บขนาดนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น เหตุที่เกิดขึ้นเกือบทำให้คนสูญเสียอนาคตไปได้เลย เพียงอีกแค่นิดเดียวลูกอาจจะตาบอดหรือเสียชีวิตได้

นางนิด กล่าวว่า หากมองถึงวัฒนธรรมของไทย เท้าถือเป็นอวัยวะที่อยู่ต่ำที่โบราณมองว่าไม่ควรยกขึ้นสูง ขณะที่บั้นท้ายหรือก้นเป็นของสงวนของผู้หญิง สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องของเด็กเล่นกัน แต่ถือเป็นพฤติกรรมคุกคามและใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงของเพื่อนผู้ชาย หากปล่อยให้ลูกสาวเดินผ่านตามปกติคงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้

ทั้งนี้ นางนิดไม่ได้ต้องการดำเนินคดีใดๆ กับคู่กรณี เพราะเด็กก็ยังมีอนาคตอยู่ และเข้าใจถึงหัวอกคนเป็นพ่อแม่ คงไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ แต่ในเมื่อเกิดแล้วก็ควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ในมุมกลับกันหากคนถูกกระทำเป็นลูกของคุณเอง ก็คงอยากได้ความรับผิดชอบและคำขอโทษเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ตนก็พร้อมจะให้อภัย หากคู่กรณีออกมารับผิดและรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างสมเหตุสมผล จนกว่าลูกสาวจะหายเป็นปกติ และกลับไปเรียนได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook