ศุลกากรยกเครื่องสแกนทุกกระเป๋าผ่านสนามบิน เช็กละเอียดสกัดหิ้วของหรูมาขาย

ศุลกากรยกเครื่องสแกนทุกกระเป๋าผ่านสนามบิน เช็กละเอียดสกัดหิ้วของหรูมาขาย

ศุลกากรยกเครื่องสแกนทุกกระเป๋าผ่านสนามบิน เช็กละเอียดสกัดหิ้วของหรูมาขาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กรมศุลกากรเตรียมเครื่องเอ็กเรย์ค่อมสะพาน และพัฒนา AI สแกนสินค้าหรูหนีภาษี สกัดสินค้าหิ้วมาขาย จับชาร์จเรียกภาษี ป้องกันลักลอบยาเสพติด-ของต้องห้ามเข้าประเทศ

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผย กรมศุลกากรได้ดำเนินติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์ค่อมสายสะพานลำเลียงกระเป๋าที่สนามบินสุวรรณภูมิทั้ง 23 สายพานแล้ว เพื่อดำเนินตรวจสแกนสิ่งของผิดกฎหมายในกระเป๋าเดินทางที่โหลดมาในใต้ท้องเครื่องบินทุกใบ เป็นการป้องกันหลบเลี่ยงภาษีนำเข้าสินค้าแบรนด์เนม กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา รวมถึงการนำของต้องห้าม ยาเสพติด ของที่ผิดอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) เช่น งาช้าง นอแรด เข้ามาในประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นการสกัดกั้นสินค้าพรีออร์เดอร์ออนไลน์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างความไม่เป็นธรรมให้กับผู้นำเข้าสินค้าที่ชำระภาษีถูกต้อง

โดยทางกรมศุลกากรคาดว่าจะติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์ค่อมสายพานแล้วเสร็จภายในปีนี้ จะช่วยให้การสแกนสิ่งของมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สามารถมองเห็นสิ่งของในกระเป๋าได้ทั้งหมด หากเป็นของต้องห้ามก็จะมีการจับกุม หรือหากเป็นสินค้าแบรนด์เนม ที่ต้องเสียภาษี ผู้นำเข้ามาต้องชำระภาษีให้ถูกต้อง โดยภาษีของแบรนด์เนมที่กรมศุลกากรเก็บก็ไม่ได้เก็บแพงเกินไป เป็นอัตราที่เหมาะสม

การเก็บอัตราภาษีศุลกากรสินค้าที่ตรวจจับได้ หากเป็นการนำเข้านาฬิกาเข้ามา เสียอากรนำเข้า 5% และภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% แต่หากเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยเสีย 30% และภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งปกติหากไปซื้อเมืองนอกก็ได้รับการคืนภาษี 20% อยู่แล้ว ก็เข้ามาเสียในประเทศเพิ่มอีก 10% ซึ่งก็ถือว่าไม่ได้มาก

นายกฤษฎา กล่าวว่า “กรมจะเพิ่มการตรวจเข้มระบบเอ็กซเรย์ให้มากที่สุด โดยนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เข้ามาใช้ตรวจสอบภาษีแทนการใช้ดุลยพินิจเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับต่างประเทศเพื่อใช้ในการตรวจสอบให้แม่นยำกว่าเดิม เช่น การนำรูปภาพสิ่งของต้องห้ามส่งเข้าระบบเอไอ หากพบภาพใกล้เคียงก็จะเปิดตรวจสอบ”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook